รักษาหลุมสิวด้วยกรดวิตามินเอ (Retinoic acid)




หลุมสิว


"กรดวิตามินเอ" กับวิตามินเอ บางคนอาจจะเข้าใจว่ามันคือตัวเดียวกัน หรือบางคนอาจจะรู้แล้วว่ามันต่างกัน แต่มันต่างกันอย่างไร? ผมขออธิบายคร่าวๆว่า เจ้ากรดวิตามินเอตัวนี้เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ ก็คือมันถูกสกัดมาจากวิตามินเออีกที ซึ่งเมื่อสกัดออกมาแล้วทำให้โครงสร้างและการทำงานของมันเปลี่ยนไป ทางการแพทย์ได้นำกรดวิตามินเอตัวนี้มาใช้ในการรักษาโรคผิวหนัง ซึ่งก็เป็นที่มาของเรื่องในวันนี้ คือ การรักษาหลุมสิวด้วยกรดวิตามินเอ

   แล้วกรดวิตามินเอใช้รักษาหลุมสิวได้อย่างไร? ก็ต้องมาดูสรรพคุณของมันกันก่อนว่าช่วยในเรื่องใดได้บ้าง



  • ช่วยกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่
  • ช่วยผลัดเซลล์ผิว กระตุ้นการลอกของเซลล์ผิวชั้นนอกสุดอย่างรุนแรง
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน
  • ช่วยลดไขมันบริเวณผิวหนัง

ฟังจากสรรพคุณของมันแล้วพอจะเห็นแล้วใช่มั๊ยครับว่ากรดวิตามินเอ จะสามารถช่วยรักษาหลุมสิวบนใบหน้าของเราได้อย่างไรบ้าง ทีนี้มาดูดีกว่าว่าเราจะใช้มันทางไหนได้บ้าง


  • รับกรดวิตามินเอด้วยการกิน  โดยจะมีการสกัดสารจากอนุพันธ์ของวิตามินเอออกมาอีกที ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสารตัวนี้เป็นสารที่ถูกควบคุมโดยจะสั่งจ่ายได้จากแพทย์ผิวหนังเท่านั้น จะสั่งจ่ายในปริมาณ 10-20 มิลลิกรัมเท่านั้น หากมากกว่านี้จะเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายอย่างมาก เช่น เป็นตับอักเสบ ,ไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะหญิงมีครรภ์ห้ามกินโดยเด็ดขาดเพราะอาจทำให้เด็กในท้องพิการได้ ฟังดูน่ากลัวแต่มันก็มีประโยชน์ในการรักษหลุมสิวของมันอยู่ คือ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ ทำให้หลุมที่หน้าตื้นขึ้น และช่วยลดความมันบนใบหน้าอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้อีกด้วย

  • รับกรดวิตามินเอด้วยการทา  ทาผ่านผิวหนังของเราเพื่อรักษาหลุมสิว โดยให้มันซึมเข้าไปในชั้นหนังแท้ไปช่วยกระตุ้นให้สร้างเซลล์ผิวใหม่ และช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไปอย่างรุนแรง ขอย้ำเลยนะครับว่า "อย่างรุนแรง" ทำให้มีการใช้ยานี้รักษากับคนที่เป็นสิว หรือหลุมสิวที่เยอะและรุนแรงมากเท่านั้น หากนำไปใช้พร่ำเพรื่อนอกจากจะไม่ช่วยให้ดีขึ้นแล้ว หน้าอาจจะพังไปกว่าเดิมอีกด้วย เพราะฉะนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ทุกครั้งดีที่สุดครับ

การใช้สารอะไรก็แล้วแต่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากและไม่น้อยเกินไป ซึ่งก็เหมือนกับการใช้กรดวิตามินเอเพื่อใช้ในการรักษาหลุมสิว ก็ควรใช้ให้เหมาะกับสภาพและอาการของผิวหน้าของเราให้มากที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นการได้รับการชี้แนะจากแพทย์ผู้ชำนาญจะช่วยให้การรักษาหลุมสิวของเราได้ผล และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของเราอีกด้วยครับ

Share on Google Plus

About Untitle

บล็อกรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด สิวสเตียรอยด์ สิวเสี้ยน รักษาหลุมสิว รักษาสิวด้วยธรรมชาติ เลเซอร์รักษาสิว แชร์ประสบการณ์รักษาสิวผ่านมุมมองของ Acnedefend บล็อกเพื่อคนเป็นสิวทุกๆคน

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น