รักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ Smooth Beam (Smooth Beam Laser)


รักษาหลุมสิว

ในปัจจุบันการรักษาหลุมสิวมีอยู่มากมายหลายวิธี จนบางครั้งก็เลือกไม่ถูกว่าจะรักษาหลุมสิวด้วยวิธีไหนดี นอกจากจะต้องหนักใจกับหลุมบนใบหน้าแล้ว ยังต้องหนักใจกับวิธีการรักษาหลุมสิวบนใบหน้าอีก เฮ้อ!กลุ้มใจแท้เหลา!!! ถ้าใครมีความคิดในใจแบบนี้วันนี้เลิกคิดไปได้เลยครับ เพราะผมได้รวบรวมข้อมูลที่สำคัญ และมีประโยชน์ในสิ่งที่คนเป็นหลุมสิวต้องรู้มาไว้ใน Blog นี้แล้วครับติดตามได้ตามหัวข้อต่างๆที่อยู่ใน Blog ได้เลยครับ แต่บทความนี้ผมจะพูดถึงเรื่องการรักษาหลุมสิวด้วยวิธีที่มีชื่่อว่า Smooth Beam ครับ



 "Smooth Beam" คืออะไร?

Smooth Beam เป็นการรักษาสิว ริ้วรอย การกระชับรูขุมขน และที่สำคัญสามารถใช้รักษาหลุมสิวได้ด้วยครับ ซึ่งจริงๆแล้วเจ้า Smooth Beam ก็คือเลเซอร์ชนิดหนึ่งที่มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 1,450 นาโนเมตร มันสามารถเข้าไปทำงานที่ชั้นต่อมไขมันทำให้ต่อมไขมันทำงานได้น้อยลง เมื่อต่อมไขมันทำงานได้น้อยหน้าเราก็จะมันน้อยลง สิวอักเสบที่อยู่บริเวณต่อมไขมันก็จะฝ่อลง และด้วยคุณสมบัติการเป็นเลเซอร์ของ Smooth Beam มันจึงเข้ากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว โดยทำให้คอลลาเจนหดตัวลง เซลล์ผิวจึงทำการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนใหม่ ซึ่งช่วยให้หลุมสิวบนหน้าของเราตื้นขึ้นได้


ขั้นตอนการทำ Smooth Beam


  • หมอจะให้เราล้างหน้าเพื่อทำความสะอาดผิวหน้าก่อน
  • ใส่แว่นป้องกันแสงเลเซอร์ทั้งเราและหมอ
  • จากนั้นจะพ่นสเปรย์ที่ใบหน้าของเราเพื่อให้หน้าเราเย็น เป็นการลดความร้อนและผลข้างเคียงจากแสงเลเซอร์
  • เริ่มยิง Smooth Beam ไปที่หลุมสิวของเรา(มีกี่หลุมก็ว่ากันไป) เจ็บเหมือนโดนหนังสติ๊กดีดใส่หน้า
  • ทาครีมบำรุงเพื่อป้องกันการอักเสบของใบหน้า

ข้อดีของการรักษาหลุมสิวด้วย Smooth Beam

  • ไม่เกิดสะเก็ดแผลจากการยิงแสงเลเซอร์ (มีการพ่นสเปรย์ป้องกัน)
  • ไม่เจ็บมาก(อาจจะแล้วแต่ความอดทนของแต่ละคน)
  • นอกจากรักษาหลุมสิวแล้ว ยังรักษาต้นตอของการเกิดสิวได้ด้วย
  • ลดความมันบนใบหน้าได้ดี
  • ใช้เวลาทำไม่นาน ประมาณ 15 นาที
  • ไม่ต้องพักฟื้นนาน (กลับบ้านนอนพรุ่งนี้ไปทำงานตามปกติ)


สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนการรักษหลุมสิวด้วย Smooth Beam

  • เรื่่องราคา มีค่ารักษาที่ค่อนข้างสูงอาจจะเป็นครั้งก็ประมาณ 5,000-8,000 บาท หรืออาจจะคิดเป็นคอร์สก็แล้วแต่ที่ครับ ลองสอบถามตามสถานเสริมความงาม หรือตามโรงพยาบาลก็มีหลายที่ครับ  เช่น โรงพยาบาลฉพาะทางผิวหนังอโศก , โรงพยาบาลรัตนาธิเบศร์ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูครับ

  • ต้องทำหลายครั้งถึงจะเห็นผล สำหรับคนที่เป็นหลุมสิวต้องทำประมาณ 6-8 ครั้งถึงจะเห็นผลได้ดี

  • ใช้เวลานานถึงจะเห็นผล เพราะการรักษาหลุมสิวด้วย Smooth Beam เป็นการกระตุ้นเซลล์ผิวชั้นคอลลาเจนให้ทำงาน โดยเร่งสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มขึ้น จึงสามารถช่วยเพิ่มเนื้อภายในหลุมสิวของเราได้ ซึ่งกว่าที่ผิวของเราจะสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาทดแทนที่เสียไป ก็ต้องใช้เวลานาน ประมาณ 6 เดือน หรืออาจจะเลยเถิดไปเป็นปีๆเลยก็ได้

การรักษาหลุมสิวด้วย Smooth Beam ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่จะเหมาะกับคนที่เป็นหลุมสิวที่ไม่ลึกมาก และกับคนที่เป็นทั้งหลุมสิวและเป็นสิวอักเสบก็จะเหมาะมาก แต่หากเพื่อนเป็นหลุมสิวที่ลึกและเยอะแล้ว แนะนำให้ทำ Dermaroller หรือ เลเซอร์ Fraxel จะช่วยรักษาหลุมสิวได้ดีกว่าครับ ยังไงหลังการรักษาควรจะทาครีมบำรุงและป้องกันผิวหน้าด้วยนะครับ เช่น พวก คอลลาเจน มอยเจอไรเซอร์ต่างๆ และที่ลืมไม่ได้ ครีมกันแดด สำคัญมากครับ สุดท้ายการรักษาวิธีไหนที่รักษาหลุมสิวที่ดีที่สุดเราคงไม่อาจรู้ได้ครับ เพราะมันมีปัจจัยหลายๆอย่าง ดังนั้นเราควรหาข้อมูลเยอะๆและควรปรึกษาแพทย์ที่น่าเชื่อถือครับ เพื่อจะได้รักษาหลุมสิวให้ได้ผลและไม่เป็นอันตรายต่อตัวเราครับ

Share on Google Plus

About Untitle

บล็อกรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด สิวสเตียรอยด์ สิวเสี้ยน รักษาหลุมสิว รักษาสิวด้วยธรรมชาติ เลเซอร์รักษาสิว แชร์ประสบการณ์รักษาสิวผ่านมุมมองของ Acnedefend บล็อกเพื่อคนเป็นสิวทุกๆคน

2 ความคิดเห็น :

  1. เหมือน smooth sure ของ พรเกษมป่าวคะ

    ตอบลบ
  2. อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ต้องลองถามกับทางพรเกษมว่าใช่ตัวเดียวกันหรือเปล่า ลองถามเรื่องความยาวคลื่นก็ได้ครับว่าอยู่ในช่วง 1,450 นาโนเมตร เพราะส่วนใหญ่เลเซอร์ที่ใช้รักษาสิวหรือหลุมสิวต่างๆ จะต่างกันที่ตัวเครื่องมือที่ใช้ และที่ความยาวของคลื่นแสงที่ยิงครับ บางทีอาจจะเป็นตัวเดียวกันแต่ต่างคลินิกก็ใช้ชื่อไม่เหมือนกันแล้ว ลองถามดูนะครับ

    ตอบลบ