5 เรื่องน่ารู้ของ Retin-A ยาทารักษาสิวอุดตัน สิวไม่มีหัว สุดฮิต


5 เรื่องน่ารู้ของRetin-A ยาทารักษาสิวอุดตัน สิวไม่มีหัว

"Retin-A" จัดเป็นยารักษาสิวอุดตันยอดนิยมตัวหนึ่ง เป็นยาลดสิวอุดตันตัวแรกๆที่ผลิตขึ้นมาโดยตัวยาสำคัญออกฤทธิ์คือกรดวิตามินเอซึ่งเป็นสารที่ช่วยแก้ปัญหาสิวอุดตัน สิวไม่มีหัว สิวฝังในได้เป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่ว่านอกจาก Retin-A สามารถช่วยรักษาสิวได้แล้วมันยังมีคุณสมบัติในด้านอื่นๆแอบแฝงอยู่ด้วย และนี่เองเป็นที่มาของบทความในวันนี้กับบทความ 5 เรื่องน่ารู้ของ Retin-A ยาทารักษาสิวอุดตัน สิวไม่มีหัว สุดฮิต มีอะไรน่าสนใจบ้างตามมาดูกันต่อเลยครับ


5 เรื่องน่ารู้ของยารักษาสิวอุดตัน Retin-A



1. Retin-A ช่วยลดความมันบนผิวหน้า


     รู้หรือไม่ว่า Retin-A สามารถช่วยลดความมันบนหน้าของเราได้ ความมันหรือ sebum เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักของการอุดตันและทำให้เกิดสิว ถ้าเราลดหรือทำให้ผิวหน้าสร้าง sebum ได้น้อยลงก็จะช่วยให้การรักษาสิวได้ผลดีมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่เวลาเราทา Retin-A แล้วมันทำให้หน้าเราแห้ง ลอก เป็นขุย บางครั้งอาจรู้สึกแสบหน้าร่วมด้วย เพราะมันทำให้หน้าเรามันน้อยลงและมีฤทธิ์ในการผลัดเซลผิวที่ดีเยี่ยมด้วยนั่นเอง

2. Retin-A ช่วยลดริ้วรอยบนผิวหน้า


     ปกติถ้าได้ยินคำว่าผลข้างเคียงของยาเราจะรู้สึกว่ามันต้องเป็นสิ่งที่ไม่ดี มันต้องทำให้ชีวิตเราลำบากขึ้นแน่เลย แต่สำหรับผลข้างเคียงเรื่องการช่วยลดริ้วรอยบนผิวหน้าของ Retin-A นั้นคงเป็นข้อยกเว้น เพราะมันเป็นผลข้างเคียงที่ดีที่ผมคิดว่าใครๆก็อยากได้ และที่สำคัญมันเป็นผลข้างเคียงที่ดีสำหรับคนเป็นสิวด้วย คือคนเป็นสิวกับรอยแดงและจุดด่างดำจากสิวเป็นของคู่กัน Retin-A นอกจากจะช่วยลดสิวอุดตัน ลดหน้ามัน ลดการเกิดสิวได้แล้วยังมีส่วนช่วยลดริ้วรอยบนหน้า รอยเหี่ยวย่น รอยแผลสิวได้อีกต่างหาก เชื่อว่าหลายคนที่ได้อ่านข้อดีของ Retin-A ข้อนี้คงมีความรู้สึกอยากใช้มันขึ้นมาทันทีเลยใช่มั้ยครับ

3. Retin-A เหมาะกับสิวอุดตันแต่ไม่เหมาะกับสิวอักเสบ


     Retin-A เป็นยาที่ช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้ดี แต่มันไม่ช่วยลดการอักเสบของสิวทำให้ใช้ไม่ได้ผลกับสิวอักเสบ ดังนั้นถ้าใครเป็นสิวมากกว่าหนึ่งชนิด คือ เป็นทั้งสิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือสิวผด ควรใช้ Retin-A ร่วมกับยารักษาสิวตัวอื่นเพื่อให้การรักษาสิวได้ผลดียิ่งขึ้น

4. ไม่ควรทา Retin-A ร่วมกับยารักษาสิวตัวอื่น


     เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าถ้าจะรักษาสิวให้ได้ผลดีต้องใช้ Retin-A ร่วมกับยารักษาสิวตัวอื่น แต่มาหัวข้อนี้กลับบอกว่าไม่ควรทา Retin-A ร่วมกับยาตัวอื่นตกลงจะเอายังไงกันแน่ ผมขออธิบายอย่างนี้ครับ ตอนแรกที่บอกให้ใช้ร่วมกับยาทาสิวตัวอื่นผมหมายความว่าให้ใช้กันคนละเวลา คือ Retin-A มันต้องทาก่อนนอนเท่านั้น ทาตอนกลางวันทาไม่ได้เพราะแสงแดดจะทำให้ฤทธิ์ยาสลายไปใช้แล้วจะไม่ได้ผลก็เลยต้องทาแต่ตอนกลางคืน กลางคืนทา Retin-A ส่วนกลางวันให้ทายารักษาสิวตัวอื่นควบคุ่กันไป ทำแบบนี้ช่วยให้ผลการรักษาสิวดีขึ้น แต่ในตอนกลางคืนที่เราต้องทา Retin-A นี้เราไม่ควรทายารักษาสิวตัวอื่น เช่น BHA , AHA , Differin , Isotrexin , Epiduo ผสมกันหรือทับกันลงไป เพราะมันทำให้ตัวยาเกิดปฏิกริยากันอาจส่งผลให้ Retin-A ออกฤทธิ์ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็คงไม่เป็นทุกตัวอย่างยาแต้มสิวอักเสบอย่างเช่น Clinda M , Clindalin gel , Smooth E Acne Hydrogel หรือยาแต้มสิวอักสบตัวอื่นๆอันนี้ทาได้ เพราะเราใช้แต้มเป็นจุดๆแค่ตรงที่เป็นสิวอักเสบเท่านั้น ไม่ได้ทาลงไปทั้งหน้าก็ไม่เป็นไร ตื่นเช้ามาค่อยทายาตัวอื่นและทามอยเจอไรเซอร์ร่วมด้วยในกรณีที่ผิวแห้งมากเกินไป

5. Retin-A ทาบางๆก็พอแล้ว


     การทายาลดสิวอุดตัน Retin-A ที่ถูกต้องคือทาทั่วหน้าหรือบริเวณที่เป็นสิวอุดตันบางๆ ทาพอให้คราบขาวๆของ Retin-A ซึมเข้าผิวหมดก็พอ ไม่จำเป็นต้องทาหนาๆเยอะๆมันไม่ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นหรอกครับ กลับยิ่งทำให้หน้าแสบ ลอก ระคายเคืองมากขึ้น เปลืองโดยใช่เหตุมากกว่า ถ้าเราอ่านจากคู่มือการใช้เค้าจะแนะนำว่าให้เราบีบครีมประมาณเท่าเม็ดถั่วเขียวแล้วทาให้ทั่วหน้า ซึ่งผมว่าจริงๆมันไม่พอหรอกครับ คือหน้าคนเรามันไม่เท่ากันบางคนหน้าใหญ่ บางคนหน้าเรียวเล็ก บางคนเป็นสิวทั่วหน้า บางคนเป็นสิวเฉพาะจุด ดังนั้นผมว่าคิดว่าปริมาณการทายา Retin-A ที่เหมาะสมคือทาให้มันทั่วหน้าแบบบางๆ ไม่หนาเกินไป ไม่จำเป็นต้องทาครีมเท่าเม็ดถั่วเขียวก็ได้แค่อย่าทาเยอะเกินไปเท่านั้นเอง

     ก็จบกันไปกับ 5 เรื่องน่ารู้ของยารักษาสิวอุดตัน Retin-A หวังว่าคงเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านได้บ้างนะครับ Retin-A จัดเป็นยาลดสิวอุดตันที่ใช้ได้ผลดีตัวหนึ่ง แต่ก็เป็นยาที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองสูงเช่นกัน สำหรับคนที่ยังไม่เคยใช้และอยากลองใช้ควรเริ่มที่ความเข้มข้นต่ำคือ 0.025% ก่อน ลองใช้ดูว่าใช้แล้วแพ้มั้ย ได้ผลหรือเปล่าจากนั้นค่อยเพิ่มความเข้มข้นเป็นแบบมาตรฐานที่ 0.05% ภายหลังได้ นอกจากนี้ก่อนใช้ควรทดสอบการแพ้ครีมก่อนให้ดี เพื่อความปลอดภัยของผิวหน้า เพราะเวลาใช้แล้วแพ้รับรองได้ว่าหน้าจะดูไม่จืดเลย ก็ฝากเอาไว้สำหรับบทความ Retin-A ในวันนี้ครับ

Share on Google Plus

About Untitle

บล็อกรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด สิวสเตียรอยด์ สิวเสี้ยน รักษาหลุมสิว รักษาสิวด้วยธรรมชาติ เลเซอร์รักษาสิว แชร์ประสบการณ์รักษาสิวผ่านมุมมองของ Acnedefend บล็อกเพื่อคนเป็นสิวทุกๆคน

1 ความคิดเห็น :

  1. เพิ่มเติมข้อสี่นิดนึงยาตัวนี้มันห้ามโดนแสงเลยครับ(หมายถึงตอนทาเสร็จแล้วนะครับไมได้หมายความว่าต้องปิดไฟทา)จากที่หมอเคยบอกมาหมอบอกว่าจะเปิดไฟตอนนอนก็ไม่ได้เพราะจะทำให้ฤทธิ์ยาเสื่อมสลายตามที่บอกมาและอีกอย่างนึงจะทำให้หน้ามีรอยดำมากขึ้นหากโดนแสงเป็นเวลานานเมื่อทายาชนิดนี้(แสงทุกชนิด หิ่งห้อยก็ไม่ได้นะ)

    ตอบลบ