เป็นสิวสเตียรอยด์จากการทายาหมอตามคลินิก สุดท้ายหน้าดีขึ้นเพราะบัวหิมะจากจีน


ครีมบัวหิมะ รักษาสิวสเตียรอยด์

ช่วงนี้ผมติดภารกิจงานแต่งที่ลำปางอาจไม่ค่อยได้เขียนบทความสิวใหม่ๆต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย วันนี้ก็เลยต้อง update สักหน่อย ด้วย case study ของน้องซาร่าที่เป็นสิวสเตียรอยด์จากการไปหาหมอตามคลินิกทั้งๆที่ตอนแรกเป็นสิวเพียงเล็กน้อย หาไปหามากลายเป็นสิวผิวแพ้ง่ายไปซะอย่างนั้น ลองอ่านเคสของซาร่าดูว่าเธอผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างไร


สาเหตุการเกิดสิวของซาร่า


ซาร่าบอกว่าตอนแรกตัวเองเป็นสิวไม่เยอะแต่ด้วยความอยากสวย อยากให้หน้าขาวใสเนียนกิ๊กก็เลยไปหาหมอตามคลินิกเพราะเห็นว่าเพื่อนไปมาแล้วหน้าใสมาก เค้าให้ทายา ทาครีมบำรุง ทำไอออนโต AHA เลเซอร์อะไรที่เค้าว่าดีทำหมด ซึ่งส่วนใหญ่ยาที่ตามคลินิกจ่ายให้มักเป็นยาที่ผสมสารสเตียรอยด์ ซึ่งปกติจะจ่ายให้เวลาที่เป็นผดแพ้ หรือหน้าแพ้อะไรมาโดยให้ใช้ในระยะเวลาสั้นๆเพื่อป้องกันผิวหน้าไม่ให้ติดยา ใช้ไม่เกิน 5-7 วันประมาณนี้ ผิวหน้าก็ดีบ้างหายบ้างปะปนกันไป แต่ที่แย่ก็คือรู้สึกว่าผิวหน้าตัวเองบางและแพ้ง่ายมากขึ้น ซ้ำร้ายมาแพ้น้ำที่ต่างจังหวัดทำให้จากสิวธรรมดากลายเป็นสิวหนองขึ้นเต็มหน้าไปหมด ซาร่าบอกว่าเป็นเหตุการที่เครียดที่สุดในชีวิตเหตุการหนึ่งเลยทีเดียว

กินยาแก้แพ้ แก้อักเสบ และทายาแก้แพ้


หลังจากกลัวการไปหมอที่คลินิกซาร่าจึงตัดสินใจไม่ไปหาอีกและลองรักษาด้วยตัวเอง โดยเริ่มจากการทายา protopic และ ยา Elidel ที่หมอเคยจ่ายให้ตอนไปคลินิก ที่ใช้เพราะเป็นยาที่ไม่มีสเตียรอยด์ ใช้ลดอาการผื่นแพ้และการอักเสบที่ผิวหนัง แต่ทาไปไม่นานหน้าก็บวมแดงมากขึ้นก็เลยตัดสินใจหยุดทายา กินยาแก้แพ้และแก้อักเสบแทน สุดท้ายลองทาครีมบัวหิมะที่ซื้อมาจากจีนดูเผื่ออะไรจะดีขึ้น

ทาบัวหิมะหน้าบวมน้อยลง


ซาร่าบอกว่าหลังจากกินยาแก้แพ้และแก้อักเสบ รวมไปถึงลองทาครีมบัวหิมะที่ซื้อมาจากจีนดู ทาวัดใจเพราะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงแล้ว คือถ้าแพ้อีกหน้าคงเยินกว่าเดิมแน่ ทาอยู่ 5 วันหน้าก็หายบวมแดง ผิวที่เคยลอก เป็นขุย คันก็หายไป รู้สึกว่าผิวหน้าดีขึ้นแต่สิวก็ยังคงมีอยู่ ทาอยู่ 1 สัปดาห์ก็หยุดทาบัวหิมะไป หลังจากนั้นก็หาครีมทาสิวตามร้านขายยาทั่วไปค่อยๆรักษาไปหน้าก็ดีขึ้นมาตามลำดับ แต่ที่ดีใจที่สุดก็คืออาการหน้าบวมแดงจากการแพ้สเตียรอยด์ไม่มีให้เห็นอีก เหนื่อยกับการรักษาอันยาวนานนี้เหลือเกินและจะไม่ลองอะไรมั่วซั่วอีกเป็นอันขาด

มุมมองผ่าน Acnedefend


จากเคสการรักษาสิวสเตียรอยด์ของน้องซาร่านี้ผมคิดว่าเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไปหาหมอตามคลินิกได้เป็นอย่างดี บางครั้งการรักษาสิวตามคลินิกต่างๆก็อาจให้ทำอะไรมากเกินความเป็นจริงไปนิด อีกทั้งซาร่าเองเปลี่ยนคลินิกรักษาสิวหลายแห่ง คลินิกแรกไม่หาย ก็ไปคลินิกที่สอง คลินิกที่สองไม่หายก็ไปคลินิกที่สามสี่ห้า ซึ่งเวลาเริ่มต้นคลินิกใหม่ก็ต้องเริ่มกระบวนการรักษากันใหม่ ซึ่งทำให้การรักษาไม่ต่อเนื่องคลินิกเก่าจ่ายยาตัวไหนให้บ้างเราก็ไม่รู้ มาเจอคลินิกใหม่ก็อาจจ่ายยาตัวใหม่มาให้อีก รักษาไม่ทันหายก็ไปคลินิกต่อไปอีกแล้ว เรื่องนี้น่าจะเป็นจุดที่ทำให้ปัญหาสิวสเตียรอยด์ไม่ยอมหายสักทีก็เป็นได้

     วิธีแก้ปัญหาที่ดีสุดคือการหาหมอรักษาสิวที่เป็นแพทย์ผิวหนังโดยตรง และรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดี เป็นสิวสเตียรอยด์ต้องอดทนเพราะผิวเราโดนทำร้ายไปแล้วมันไม่เหมือนเดิม อาจต้องใช้เวลาเป็นปีๆเพื่อให้ผิวกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม ส่วนเรื่องที่ใช้บัวหิมะแล้วอาการบวมแดงดีขึ้นอันนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องเฉพาะบุคลที่ผ่านการลองผิดลองถูกมา เราก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วในบัวหิมะมีส่วนผสมอะไรอยู่บ้าง ใช้แล้วจะดีขึ้นหรือแย่กว่าเดิมก็ไม่อาจรู้ได้ ซึ่งผมคิดว่าเคสการรักษาสิวสิวเสตียรอยด์ของซาร่านี้เป็นเรื่องเตือนใจให้กับคนอื่นๆได้เป็นอย่างดีครับ

Share on Google Plus

About Untitle

บล็อกรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด สิวสเตียรอยด์ สิวเสี้ยน รักษาหลุมสิว รักษาสิวด้วยธรรมชาติ เลเซอร์รักษาสิว แชร์ประสบการณ์รักษาสิวผ่านมุมมองของ Acnedefend บล็อกเพื่อคนเป็นสิวทุกๆคน

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น