วันนี้ Acnedefend มีเรื่องเล่าของพี่รุ้งซึ่งเป็นพี่ที่รู้จักกันกับผมมาเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องเกี่ยวกับ "การกินยารักษาสิว" ตอนแรกกินก็ช่วยให้สิวหายดีคุมสิวได้ แต่ตอนหลังมีเหตุการณ์ที่ทำให้กลับมาเป็นสิวอีก แถมคราวนี้เป็นเยอะกว่าเดิม เป็นเรื่องเตือนใจสำหรับคนคิดจะลองซื้อยารักษาสิวมากินเองได้เป็นอย่างดี
หาหมอรักษาสิว
พี่รุ้งเล่าให้ฟังว่าครั้งแรกที่รู้จักกับยารักษาสิวก็ตอนไปหาหมอที่คลินิกแห่งหนึ่ง หมอทำการรักษาตามปกติคือให้ยารักษาสิวมาทาแล้วก็จ่ายยากินมาให้พร้อมกันด้วย รักษาอยู่ประมาณ 3-4 เดือนอาการสิวดีขึ้น แต่แล้วพี่รุ้งก็มีเหตุจำเป็นต้องหยุดหาหมอที่คลินิกแห่งนี้เพราะต้องย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัด พอไม่ได้หาหมออย่างต่อเนื่องสิวที่หายก็เริ่มกลับมาเป็นอีก พี่รุ้งจึงตัดสินใจไปซื้อยารักษาสิวจากร้านขายยามากิน โดยเลือกยาตัวที่หมอเคยจ่ายให้ แต่พอกินไปได้สักพักสิวไม่ลดลงก็เลยตัดสินใจเพิ่มโดสของยาเองโดยไม่ปรึกษาใครเลย เพราะคิดว่าถ้าใช้ยาที่แรงขึ้นน่าจะช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น และหลังจากเพิ่มขนาดยาที่กินได้ไม่นาน เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับพี่รุ้งจนได้
ไปตรวจร่างกายพบค่าเลือดผิดปกติ
วันหนึ่งพี่รุ้งไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พอผลตรวจออกหมอบอกว่าค่าเลือดของพี่รุ้งผิดปกติ สืบไปสืบมาปรากฏว่าเป็นเพราะยารักษาสิวที่กิน หมอก็เลยสั่งให้หยุดกินยาเพื่อให้ค่าเลือดกลับมาเป็นปกติ ไม่อย่างนั้นอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคอื่นแทนได้ พี่รุ้งจึงจำเป็นต้องหยุดยาตามหมอสั่ง และเรื่องไม่คาดคิดเรื่องที่สองก็เกิดขึ้นตามมา
สิวเห่อเพราะหยุดยา
หลังจากหยุดกินยารักษาสิวตามคำสั่งหมอ สิวบนหน้าพี่รุ้งก็ประทุออกมาเต็มเป็นหมด สิวเห่อขึ้นหน้าชนิดที่ว่าเกิดมาไม่เคยเป็นหนักเท่านี้มาก่อน พี่รุ้งบอกตอนที่เป็นเครียดมากไม่อยากออกบ้านไปไหนเลย ไปทำงานต้องเอาหน้ากากอนามัยปิดหน้าตลอด สุดท้ายต้องกลับไปหาหมอให้หมอรักษาให้ รักษาอยู่เกือบปีหน้าจึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม หลังจากเหตุการสิวเห่อเพราะยารักษาสิวในครั้งนี้ พี่รุ้งบอกกับตัวเองว่าจะไม่ซื้อยามากินเองอีกแล้ว เพราะมัน "ได้ไม่คุ้มเสียจริงๆ"
มุมมองผ่าน Acnedefend
เรื่องการซื้อยากินรักษาสิวมากินเองแล้วเกิดปัญหาขึ้นเป็นเรื่องที่พบเจอได้บ่อย ส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นเหมือนพี่รุ้งคือกินตามใจตัวเองโดยไม่ได้หาหมอ ยิ่งกินสิวยิ่งขึ้น ก็จะเป็นลักษณะรุนแรงถึงขนาดเป็นโรคตับอักเสบไปเลย มีเคสแบบนี้เยอะเหมือนกัน และเหตุผลที่เราควรกินยารักษาสิวที่จ่ายโดยแพทย์ผิวหนังก็คือ การกินยารักษาสิวต้องมีการซักประวัติคนไข้ก่อนว่ามีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อผลข้างเคียงของยาหรือเปล่า ถ้ากินแล้วมีความเสี่ยงหมอก็จะไม่จ่ายยาให้ จะเลี่ยงไปใช้วิธีอื่นแทน แต่ถ้าไม่มีโรคประจำตัวจ่ายยาให้ไปแล้วหมอก็ต้องเฝ้าระวัง คอยตรวจเลือดคนไข้เป็นระยะๆ โดยเฉพาะค่าเอนไซม์ในตับต้องระวังไม้ให้สูงเกิน เพราะอาจทำให้เป็นโรคตับอักเสบได้ คอยควบคุมปริมาณยาที่กินให้เหมาะสมกับคนไข้ ซึ่งคนไข้แต่ละคนจะได้ยาในปริมาณและระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป นั่นหมายความว่าถ้าเราซื้อยามากินเองและไม่รู้ความเสี่ยงของการกินยารักษาสิว แน่นอนครับว่าเราอาจเจอเรื่องไม่คาดคิดอย่างที่พี่รุ้งเจอก็เป็นได้ "สิวหายแต่ตับพัง ดูยังไงก็ไม่คุ้ม" จริงมั้ยครับ!!!!
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น