หลังจากไปทำภาระกิจที่ต่างจังหวัดมาไม่ได้เขียนซะหลายวัน วันนี้ขอจัดบทความ "วิตามินรักษาสิว" แบบจัดเต็มสักหน่อย ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่คนเป็นสิวสนใจอยู่ไม่น้อย ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่สนใจในการใช้วิตามินเพื่อจัดการสิวทั้งจากภายในก็คือ การกินอาหารเสริมวิตามินต่างๆ และจากภายนอกก็คือการทาครีมที่ผสมวิตามิน โดยขอคัดวิตามินที่ช่วยรักษาสิวที่ตัวผมเองสนใจและมีประสบการณ์ใช้มาบ้าง รวมไปถึงข้อมูลจากการค้นคว้าจากทั้งหนังสือ และ Internet
ซึ่งวิตามินที่จะพูดถึงวันนี้จะมีอยู่ 4 ตัวด้วยกัน คือ วิตามินซี(Vitamin C) , วิตามินอี(Vitamin E) , วิตามินบี 5(Vitamin B5) และวิตามินบี 3(Vitamin B3) ตามมาดูแต่ละตัวกันเลยครับว่ามีดีอะไรกันบ้าง
วิตามินซี(Vitamin C)
วิตามินซีจัดเป็นวิตามินสารพัดประโยชน์ตัวหนึ่ง ซึ่งก็รวมไปถึงประโยชน์ในการรักษาสิวด้วย แต่ไม่ได้มีส่วนช่วยลดการเกิดสิวสักเท่าไร จะหนักไปทางช่วยรักษาริ้วรอย รอยแดง จุดด่างดำ จากสิวซะมากกว่า เนื่องจากวิตามินซีนั้นเป็นสารตั้งต้นสำหรับผิวในการสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมและเติมเต็มเซลผิวที่ถูกทำร้ายให้ดีดังเดิม ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น ซึ่งเหมาะกับคนที่เป็นรอยสิว หลุมสิวอย่างยิ่ง เพราะคนที่มีปัญหาแบบนี้คือคนที่คอลลาเจนที่อยู่ในผิวถูกทำลายอย่างรุนแรง บางรายที่เป็นหลุมสิวลึกๆนั้น ผิวบริเวณนั้นก็มักจะมีพังผืดไปยึดเกาะไว้ ทำให้เซลผิวไม่สามารถสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ได้
การใช้วิตามินซีเข้าช่วยก็จะทำให้ผิวมีการเร่งสร้างคอลลาเจนได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพราะบางครั้งการรับประทานอาหารทั่วๆไปอาจจะทำให้ได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอ จะให้มานั่งนับนั่งคำนวณกันก็คงจะไม่ไหว อาหารเสริมวิตามินซีก็เลยเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยไม่ควรกินเกินวันละ 1,000 มิลลิกรัม เพราะเป็นปริมาณที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ แต่หากใครมั่นใจว่ากินอาหาร ผัก ผลไม้ ที่มีวิตามินอย่างเพียงพอแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกินอาหารเสริมแต่ประการใด ดีซะอีกที่ได้รับวิตามินซีจากธรรมชาติโดยตรง
วิตามินอี(Vitamin E)
วิตามินอีเป็นวิตามินที่มีสารช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานประสานกันได้ดี มีส่วนทำให้ระบบการทำงานของผิวทำงานได้อย่างมีประสิทธภาพมากขึ้น จึงส่งผลช่วยให้ริ้วรอย จุดด่างดำ รอยสิวต่างๆจางลงได้ เป็นวิตามินที่นิยมใช้ช่วยรักษารอยแดง รอยสิว หลุมสิว โดยใช้ได้ทั้งกินและทา ซึ่งก็มีอาหารเสริมวิตามินอีให้เลือกกินมากมายหลายยี่ห้อ ปริมาณที่กินก็ไม่ควรเกิน 1,000 มิลลิกรัม หากสนใจการรักษาหลุมสิวด้วยวิตามินอีที่ละเอียดตามมาดูได้ที่บทความนี้เลยครับ รักษาหลุมสิวด้วยวิตามินอี (Vitamin E)
วิตามินบี 5(Vitamin B5)
วิตามินบี 5เป็นวิตามินที่มีส่วนช่วยลดการเกิดสิวได้ โดยจะเข้าไปมีส่วนในเรื่องการลดการผลิตน้ำมันบนใบหน้า โดยมันช่วยให้ร่างกายสร้าง Coenzyme-A ซึ่งใช้ในการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ซึ่งก็เข้าไปช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินของร่างกายได้ดีขึ้น เมื่อความมันที่ผิวหน้าเราน้อยลง การอุดตันและเกิดสิวก็น้อยลง แต่บางครั้งการกินอาหารเสริมวิตามินบี 5 นั้นอาจจะไม่จำเป็นเสมอไป เพราะวิตามินบี 5 นั้นมีอยู่ในอาหารเกือบทุกชนิด และคนเราก็ต้องการวิตามินบี 5 ในปริมาณที่น้อยมาก ซึ่งการกินอาหารตามปกติก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่การกินอาหารเสริมวิตามินบี 5 จะเหมาะกับคนที่ขาดวิตามินบี 5 อย่างรุนแรง หากใครไม่ขาดวิตามินบี 5ก็อาจไม่จำเป็นต้องกินเพิ่มแต่อย่างใด หากใครสนใจขอ้มูลอย่างละเอียด สามารถติดตามได้ที่บทความนี้ กินวิตามินบี 5 (B5) กับการลดการเกิดสิว ช่วยให้หน้าไม่มันทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนเป็นสิว
วิตามินบี 3(Vitamin B3)
วิตามินบี 3 หรือ Nicotinamide จัดเป็น co-enzyme ที่มีส่วนสำคัญในการเผาผลาญพลังงาน และการสังเคราะห์ไขมัน และจากการศึกษายังพบว่าวิตามินบี 3ช่วยสร้างความชุ่มชื้นกับผิว ช่วยให้ผิวสามารถกักเก็บน้ำได้ดีขึ้น รวมไปถึงความสามารถในการกำจัดแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุการเกิดสิว ซึ่งพบว่า Niacinamide 4% มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวพอๆกับการรักษาสิวด้วย Clindamycin 1% และวิตามินบี 3 ยังช่วยป้องกันและเสริมสร้างคอลลาเจน ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ดีอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบันเครื่องสำอางค์หลายๆตัวก็ได้ใส่วิตามินบี 3 เข้าไปเป็นส่วนผสมหลักมากมายหลายยี่ห้อ สรรพคุณเยอะขนาดนี้ก็น่าลองใช้ไม่น้อย
ก็จบกันไปสำหรับ 4 วิตามินที่ช่วยในการรักษาสิว และริ้วรอยสิวต่างๆ บางตัวก็อาจจะเหมาะกับการทาอย่างเดียว หรืออาจจะเหมาะกับทั้งกินและทา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรเลือกกินและใช้วิตามินต่างๆในปริมาณที่เหมาะสมด้วย หากเราบริโภคมากเกินพอดีก็อาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราได้ การกินอาหารที่มีประโยชน์มีวิตามินอย่างเพียงพอก็สามารถช่วยลดการเกิดสิวได้เช่นกัน ซึ่งทำให้เราไม่จำเป็นต้องกินอาหารเสริมวิตามินเพิ่มเติมแต่อย่างใด ช่วยรักษาสิวได้อย่างง่ายดายแถมไม่ต้องเสี่ยงกับผลข้างเคียงอื่นๆด้วยดีกว่ากันเยอะจริงมั๊ยครับ ^^
ใช่แล้วครับ กินผลไม้เยอะๆๆ ดีสุดแล้ว
ตอบลบ