อย่างที่บอกไว้ใน Facebook เมื่อวานว่า วันนี้ผมจะเขียนถึงเหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ผมเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ภาคเหนือ แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าเรื่องนี้จะสามารถนำไปออกรายการคนอวดผีได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องผี แต่มันเป็นเรื่องที่ทำให้สิวบนหน้าผมเห่อขึ้นมาแบบจัดหนักจัดเต็ม ซึ่งเป็นเหตุการณ์และบทเรียนที่ผมไม่เคยลืม มันยังติดตราตรึงอยู่ในความทรงจำพร้อมกับหลักฐานสำคัญที่ฝากไว้บนหน้าของผมจนถึงทุกวันนี้ ก่อนอื่นของบอกเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้สิวเห่อของผมกันก่อน และจากนั้นเราจะมาดูกันว่าผมแก้ปัญหาสิวที่เกิดขึ้นครั้งนั้นได้อย่างไร ตามมาเลยครับ
สาเหตุที่สิวเห่อเมื่อวันวาน
หากให้พูดถึงสาเหตุที่ทำให้หนุ่มน้อยคนหนึ่งที่กำลังจะหายเป็นสิวอยู่แล้ว กลับกลายเป็นว่าเกิดสิวเห่อขึ้นมาบนหน้ามากกว่าเดิม ก็ต้องย้อนกลับไปตอนที่ผมเข้าเรียนปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยใหม่ๆ ตอนนั้นผมก็ยังเป็นสิวอยู่แต่ก็เรียกได้ว่าไม่ได้อยู่ในระดับที่น่ากัวลมากนัก แต่ด้วยความที่เลือดวัยรุ่นมันพลุ่งพล่าน เด็กหนุ่มอย่างผมก็อยากจะมีแฟนเหมือนกับคนอื่นเขาสักคน ทีนี้ผมก็เลยต้องพยายามทำให้ตัวเองดูดีให้ได้มากที่สุด ซึ่งผมคิดว่าก่อนอื่นเราต้องทำให้หน้าของเรามันดูดี ไม่มีสิวซะก่อน พูดง่ายๆก็คือทำให้หน้าตัวเองดูหล่อก่อน เรื่องอื่นช่างมันเดี๋ยวไปแก้ไขกันทีหลังได้
หน้ามันเป็นเหตุ
สิ่งที่ผมกังวลและคิดว่ามันเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าของผมเป็นสิวในตอนนั้นก็คือ ความมัน และแป้งที่ใช้ทาหน้า ตอนนั้นผมจำได้ว่าผมใช้ Smooth E babyface foam โฟมล้างหน้าหลอดสีเขียว-ขาว กับแป้งเด็กแคร์ทาหน้าเท่านั้น ไม่ได้ทายาแต้มสิวหรือใช้ยารักษาสิวตัวอื่นๆแต่อย่างใด เพราะตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่า มันมียาพวกนี้ขายอยู่ตามร้านขายยาด้วย
ตอนนั้นผมคิดว่าเจ้า 2 ตัวนี้แหละที่มันทำให้สิวขึ้นหน้าผม ผมก็เลยคิดต่อไปว่าผมต้องทำให้หน้าของผมหายมัน และต้องเลิกทาแป้งเด็กแคร์ ถึงจะช่วยให้สิวหายได้ ตอนนั้นผมมั่นใจในความคิดนี้มาก
ล้างหน้าวันละ 4-5 ครั้ง(พระเจ้าช่วย)
"หน้ามันนักใช่มั๊ย!!! ก็ทำให้มันหายมันซะสิ" นี่คือความคิดที่อยู่ในหัวของผมตอนนั้น ผมก็เลยกำจัดความมันด้วยการล้างหน้าบ่อยขึ้น วันหนึ่งผมจะล้างหน้าประมาณ 4-5 ครั้ง ตอนเช้าตื่นนอนมาล้าง 1 ครั้ง อีกสัก 2 ชั่วโมงก็ล้างอีกครั้ง พักลางวันก็ล้าง 1 ครั้ง บ่าย 3 อีก 1 ครั้ง และก่อนเข้านอนก็ล้างอีก 1 ครั้ง ประมาณว่าถ้ารู้สึกว่าหน้าผมมันเมื่อไร ผมจะเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าเพื่อขจัดความมันทันที นอกจากนั้นผมก็ไม่ได้ทาครีมบำรุงผิวหรือทาแป้งแต่อย่างใด เพราะผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดสิวได้ทั้งสิ้น
ผลจากการล้างหน้าบ่อยๆ
คงไม่ต้องบอกหลายคนก็น่าจะพอเดาออก ใช่แล้วครับ!!! สภาพหน้าของผมตอนนั้นยับเยินมาก สิวนี่ขึ้นมาบานเลยโดยเฉพาะตรงหน้าผาก ขึ้นมาแบบถี่ยิบโดยแทบไม่มีที่ว่างเหลือเลย แล้วสิวที่ขึ้นส่วนใหญ่ก็เป็นสิวอักเสบซะด้วย ส่วนที่เคยคิดว่าการล้างหน้าบ่อยจะทำให้หน้าหายมันสิวหาย ก็กลายเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ มันกลับเป็นตรงกันข้ามคือ หน้ามันมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งล้าง ก็ยิ่งมันเร็วขึ้น ซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้ว่าถ้าเราล้างหน้าบ่อยๆหน้าเราจะมันมากขึ้น เพราะผิวของเราจะสร้างน้ำมันขึ้นมาใหม่ เพื่อทดแทนความชุ่มชื้นของผิวที่เสียไปกับการล้างหน้า ตอนนั้นผมคิดว่านี่ขนาดเราล้างหน้าบ่อย หน้าเรายังมันขนาดนี้ แสดงว่าเราคงเป็นคนผิวมันมากแน่ๆเลย ก็เลยล้างหน้าใหญ่เลย แล้วเป็นไงล่ะงามไส้กันเลยทีเดียว
นอกจากที่หน้าจะมันมากขึ้นแล้ว ผิวหน้าตอนนั้นยังแห้ง แตก เป็นขรุย คือรู้สึกได้เลยครับว่าหน้าผมตอนนั้นแย่มากๆ ความชุ่มชื้นบนหน้าหายไปหมด หน้าตึงและสิวก็เห่อเต็มไปหมด ความรู้สึกในตอนนั้นถ้าจะให้บอกออกมาเป็นคำพูดในตอนนี้ผมขอใช้คำว่า "เซ็งเป็ด" ก็แล้วกันครับ เซ็งสุดๆ คิดว่าสิ่งที่ทำมันจะช่วยให้สิวหายหน้าใสได้ซะอีก แต่มันกลับไม่ใช่ สงสารก็แต่เป็ดมันไม่ผิดอะไรก็ต้องโดนเซ็งไปด้วย คิดถึงตอนนั้นแล้วยังจี๊ดมาจนถึงทุกวันนี้เลยครับ
2 ผลิตภัณฑ์ กับ การกู้วิกฤตสิวเห่อ
เมื่อการล้างหน้าไม่ใช่คำตอบของการรักษาสิวที่คิดไว้ ดังนั้นผมจึงต้องแสวงหาหนทางรักษาสิวใหม่ แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นนั้น ผมต้องมานั่งหาวิธีการกู้วิกฤตใบหน้าที่พังยับเยินจากการล้างหน้าที่ว่าก่อน สิ่งที่เป็นที่พึ่งพิงให้ผมตอนนั้นก็คือข้อมูลจาก Internet ที่ผมลองเข้าไปค้นหาวิธีแก้ปัญหาดู จากหลายๆวิธีผมคัดออกมา 2 วิธีที่ผมคิดว่าดีที่สุดกับสภาพหน้าและสภาพความเป็นอยู่ของผมในตอนนั้น วิธีรักษาสิวที่ว่าคือ
1. ทาผงพิเศษตราร่มชูชีพ เพื่อรักษาอาการอักเสบของสิว
2. ทาเจลว่างหางจระเข้ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าที่แห้ง แตกไม่มีชิ้นดี
โดยขั้นตอนการรักษาสิวครั้งใหม่ของผมมีดังนี้
1. ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า Smooth E babyface foam เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจากการล้างหน้าจากวันละ 4-5 ครั้ง เป็นวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
2. หลังจากล้างหน้าเสร็จผมก็จะบำรุงผิวหน้าด้วยการทาเจลว่างหางจระเข้ โบกไปให้ทั่วหน้า ทาแบบหนาๆเลยกลัวหน้าไม่ชุ่มชื้น
3. จากนั้นผมก็เอาผงพิเศษตราร่มชูชีพ ห่อละ 10 บาท ไปผสมน้ำและเอามาแต้มที่หัวสิวอักเสบ แต่จะพูดว่าแต้มก็คงจะไม่ถูกต้องนัก เพราะสิวมันขึ้นเต็มหน้าเลย เรียกว่าทาทั้งหน้าเลยก็แล้วกัน
ผมทำแค่ 3 ขั้นตอนนี้ โดยทำอย่างต่อเนื่อง ทำทุกวันด้วยความหวังที่ว่า วิธีรักษาสิวใหม่ที่คิดขึ้นมาได้นี้ จะช่วยรักษาอาการสิวเห่อของผมได้ แล้วคราวนี้สวรรค์ก็เข้าข้างผมจนได้ หน้าของผมดีขึ้นมาก ดีวันดีคืน จนสุดท้ายสิวที่เคยมีอยู่เต็มหน้าผาก ก็หายไปจนหมด รอยสิวก็ดูจางลงเล็กน้อย หากให้บอกถึงระยะเวลาในการรักษาสิวในครั้งนั้นน่าจะประมาณ 3-4 เดือนได้ ซึ่งผมดีใจและพอใจกับผลการรักษามาก ถึงจะไม่ได้ช่วยให้สิวหายไปอย่างถาวร แต่มันก็ดีขึ้นและที่สำคัญผิวหน้าของผมก็ไม่แห้งเหมือนตอนแรกอีกแล้ว ค่อยยังชั่ว
นี่ก็เป็น Case study การรักษาสิวเห่อในช่วงหนึ่งของชีวิตผม ซึ่งเป็นประสบการณ์เกี่ยวกับการล้างหน้าที่แสนเจ็บปวด แต่ก็เป็นประสบการณ์อันแสนมีค่าและน่าจดจำด้วยเช่นกัน ถึงจะรักษาสิวเพราะความคิดที่ผิดพลาดไป แต่อย่างน้อยๆผมก็ยังโชคดีที่สามารถรักษาให้หายได้ในภายหลัง ผมหวังว่าบทความประสบการณ์การรักษาสิวของผมในครั้งนี้ จะช่วยเตือนใจคนที่เป็นสิวที่ยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้ได้บ้าง และหวังว่าวิธีการรักษาสิวที่ผมใช้แก้ปัญหาสิวได้สำเร็จ จะสามารถช่วยคนที่กำลังประสบปัญหาเหมือนกับผมในครั้งนั้นได้ด้วยเช่นกัน ไม่อยากให้ใครต้องมาเป็นเหมือนผมจึงอยากแชร์เรื่องราวครั้งนี้ให้ได้อ่านกัน หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกๆคนนะครับ
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น