วันนี้ผมไปหาหมอที่โรงพยาลาลเนื่องจากอาการเจ็บคออย่างแรง ในขณะที่รอตรวจอยู่ก็นั่งนึกไปว่าวันนี้จะเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องอะไร เห็นหมอกับพยายบาลเดินไปเดินมาก็เลยนึกถึงบทความของหมอรักษาสิวที่ผมเคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการรักษาสิวที่ดี และการรักษาสิวที่ไม่ดี โดยมีการพูดถึงคลินิกและหมอรักษาสิวที่ไม่มีความจริงใจในการรักษาคนไข้ จนทำให้คนไข้หมดค่ารักษาไปเยอะเกินความจำเป็น แถมอาการสิวที่มีก็ยังไม่หายสักที เป็นๆหายๆ เรียกได้ว่าเป็นสิวแบบมาราธอนเลยทีเดียว
ผมเห็นว่าเรื่องที่หมอคนนี้เขียนขึ้นมาน่าสนใจดีก็เลยอยากเอามาเล่าให้ผู้อ่านได้อ่านกัน เสียดายที่ผมหาเว็บไซต์ที่ว่าไม่เจอไม่งั้นคงได้เอาบทความแบบเต็มๆมาให้อ่านกัน เอาเป็นว่าผมขอสรุปใจความสำคัญที่ผมพอจะจำได้ก็แล้วกัน ลองอ่านกันดูครับ
หมอเล่าให้ฟังว่าคนไข้ของหมอที่เคยไปรักษาสิวกับคลินิกรักษาสิวที่อื่นๆ รักษามานาน 1-2 ปี แต่สิวกลับไม่หายสักที เป็นๆ หายๆ อยู่นั่นแหละ แถมยิ่งรักษานานวันเข้านอกจากสิวยังขึ้นอยู่ยังได้แผลเป็นจากสิว รอยหลุมสิวเล็กๆแถมมาด้วย ซึ่งเรื่องนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน หากเราไม่สามารถรักษาสิวให้หายได้ในเร็ววัน นานวันเข้าแผลเป็นจากสิวเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นมาเต็มหน้าไปหมด ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เกิดเป็นแน่ ถ้าใครไปรักษาสิวกับคลินิกแล้วเป็นแบบนี้ก็อาจต้องลองคิดดูได้แล้วครับว่า ตกลงไอ้ที่สิวไม่หายมันเป็นเพราะอาการสิวของเรารุนแรงมาก หรือคลินิกที่เราไปหาเริ่มไม่ตอบโจทย์แล้ว มันน่าคิดนะครับ
เรื่องนี้หมอเขียนไว้ได้น่าสนใจมาก หมอบอกว่าคลินิกบางที่ให้คนไข้รักษาสิวหรือหลุมสิวด้วยการยิงเลเซอร์ โดยก่อนทำก็จะบอกถึงผลการรักษาที่ดีเยี่ยมให้เรารู้สึกมั่นใจในการรักษาอย่างมาก แต่พอได้ยิงเลซอร์เข้าไปจริงๆผลที่ออกมากลับไม่เป็นอย่างที่คิด สิวไม่หายไปไหน อยู่ยังไงก็อย่างนั้น แถมบางทียิงไปกลับยิ่งทำให้หน้าเราบางผิวเราแพ้ง่ายเข้าไปอีก ซึ่งเรื่องนี้หมอบอกถึงความผิดพลาดไว้ว่ามันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เลเซอร์ที่ใช้เป็นตัวไหน แรงพอหรือเปล่า เหมาะหรือเปล่า บางทีเลเซอร์ตัวที่ใช้ยิงให้เรายังไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากอเมริกาหรือไทยมาเลย แต่ก็เอามาใช้กับเรา ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจริงๆแล้วเลเซอร์มันก็สามารถช่วยรักษาสิวหรือหลุมสิวได้จริง แต่ทางคลินิกมักไม่ค่อยพูดความจริงในเรื่องที่ว่าการรักษาด้วยเลซอร์นั้นมันไม่ได้ผลกับทุกคน คนที่หายมีน้อยกว่าคนไม่หายเยอะ ถ้าเทียบเป็นอัตราส่วนระหว่างคนที่รักษาสิวด้วยเลเซอร์หาย ต่อคนที่ไม่หาย จะประมาณ 1 ใน 10 หรือ 1 ใน 20 เลยก็ได้
เรื่องนี้หมอน่าจะพูดถึงน้องๆที่ยังเด็กอยู่แต่เริ่มเป็นสิว ผู้ปกครองบางคนไม่เข้าใจ คิดดว่าสิวเป็นเรื่องปกติ แค่ทายาหรือกินยารักษาสิวเดี๋ยวก็หาย ไม่ต้องไปหมอก็ได้ หรือ บางคนเข้าใจว่าถ้าเราเป็นสิวเราไม่จำเป็นต้องทายารักษาสิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์อะไรมาทาหน้าเลย เดี๋ยวสิวมันก็หายไปเอง ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะความจริงสิวก็จัดเป็นโรคชนิดหนึ่ง ต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้อง บางครั้งการซื้อยารักษาสิวมาทาหรือมากินเองนั้นถ้าโชคดีซื้อถูกตัวก็ดีไป แต่ถ้าโชคร้ายซื้อมาไม่ถูกกับประเภทสิวสิวก็ไม่หาย แถมอาจทำให้เป็นสิวหนักขึ้นกว่าเดิมอีก ยิ่งยากินรักษาสิวนั้นไม่ควรซื้อมากินเองอย่างยิ่ง เพราะมันมีผลข้างเคียงซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายมากกว่าที่เราคิด เพราะฉะนั้นถ้าเป็นสิวแล้วต้องรีบรักษาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นสิวแบบเรื้อรัง และป้องกันปัญหาหลุมสิวที่จะตามมา
หมอได้พูดถึงคลินิกรักษาสิวบางคลินิกที่อาจให้การรักษาเราแบบไม่ต่อเนื่อง ทำให้สิวของเราไม่ยอมหายสักที เช่น ตอนแรกก็จะให้ยารักษาสิวที่ขนาดความแรงระดับหนึ่งไป ใช้ไปได้สักระยะหนึ่งอาการสิวก็ดีขึ้นมาก พอสิวเริ่มลดน้อยลงก็ปรับขนาดความแรงของยาให้ลดลง ซึ่งทำให้สิวที่กำลังจะดีกลับแย่ลงมา บางที่ก็อาจให้ยาที่มีเสตีรอยด์มากเกินไปจนทำให้เลิกใช้ยาไม่ได้ เลิกแล้วสิวจะเห่อขึ้นมาทันที ก็จำเป็นต้องหาหมอทายากันต่อไป ซึ่งศัพท์ที่ใช้เรียกแทนวิธีการเหล่านี้ก็คือ "การเลี้ยงไข้" นั่นเอง เกิดเป็นการรักษาสิวที่ไม่ต่อเนื่อง ทำให้การรักษาไม่ได้ผลเท่าที่ควร สุดท้ายก็กลายเป็นภาระอันหนักหน่วงของคนไข้ไป เงินก็ต้องเสีย แถมหน้าก็ไม่ดีขึ้น เป็นใครก็คงเซ็งด้วยกันทั้งนั้น
บทความที่หมอคนนี้เขียนขึ้นไม่ได้เป็นแบบนี้เป๊ะๆนะครับ ผมสรุปใจความออกมาได้ประมาณนี้ ผมว่ามันโดนใจดี แล้วมันก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดในสังคมของเราทุกวันนี้ด้วย วันที่เรื่องผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ซึ่งผมคิดว่าคงไม่มีใครอยากเป็นคนเสียผลประโยชน์หรอกจริงมั้ยครับ คนเป็นสิวอย่างพวกเราแค่เป็นสิวก็กลุ้มใจพออยู่แล้ว แต่พอไปเข้ารับการรักษากลับเจอกับเรื่องแบบนี้อีกมันน่าเศร้าดีแท้
บทความนี้ไม่ได้ต้องการจะโจมตีหรือพูดให้ใครเสียหายนะครับ เพียงแต่ต้องการบอกเล่าเรื่องจริงที่จะทำให้ทุกคนเกิดการฉุกคิดขึ้นเท่านั้น หวังว่าบทความการรักษาสิวนี้จะเกิดประโยชน์กับผู้อ่านทุกคน และ Acnedefend หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะได้พบเจอกับหมอรักษาสิวหรือคลินิกรักษาสิวที่จริงใจ ที่พร้อมจะรักษาสิวให้กับทุกคนให้หายอย่างที่ตั้งใจไว้ ซึ่งผมเชื่อว่าหมอและคลินิกดีๆเหล่านี้ยังมีอยู่เยอะ ขอให้ทุกคนโชคดี เป็นกำลังใจให้ครับ
รักษาสิวมานานปีสองปี สิวไม่หาย แถมได้หลุมสิวเพิ่มมาด้วย
หมอเล่าให้ฟังว่าคนไข้ของหมอที่เคยไปรักษาสิวกับคลินิกรักษาสิวที่อื่นๆ รักษามานาน 1-2 ปี แต่สิวกลับไม่หายสักที เป็นๆ หายๆ อยู่นั่นแหละ แถมยิ่งรักษานานวันเข้านอกจากสิวยังขึ้นอยู่ยังได้แผลเป็นจากสิว รอยหลุมสิวเล็กๆแถมมาด้วย ซึ่งเรื่องนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน หากเราไม่สามารถรักษาสิวให้หายได้ในเร็ววัน นานวันเข้าแผลเป็นจากสิวเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้นมาเต็มหน้าไปหมด ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เกิดเป็นแน่ ถ้าใครไปรักษาสิวกับคลินิกแล้วเป็นแบบนี้ก็อาจต้องลองคิดดูได้แล้วครับว่า ตกลงไอ้ที่สิวไม่หายมันเป็นเพราะอาการสิวของเรารุนแรงมาก หรือคลินิกที่เราไปหาเริ่มไม่ตอบโจทย์แล้ว มันน่าคิดนะครับ
เลเซอร์รักษาสิวทำแล้วช่วยให้สิวหายได้จริงหรือ?
เรื่องนี้หมอเขียนไว้ได้น่าสนใจมาก หมอบอกว่าคลินิกบางที่ให้คนไข้รักษาสิวหรือหลุมสิวด้วยการยิงเลเซอร์ โดยก่อนทำก็จะบอกถึงผลการรักษาที่ดีเยี่ยมให้เรารู้สึกมั่นใจในการรักษาอย่างมาก แต่พอได้ยิงเลซอร์เข้าไปจริงๆผลที่ออกมากลับไม่เป็นอย่างที่คิด สิวไม่หายไปไหน อยู่ยังไงก็อย่างนั้น แถมบางทียิงไปกลับยิ่งทำให้หน้าเราบางผิวเราแพ้ง่ายเข้าไปอีก ซึ่งเรื่องนี้หมอบอกถึงความผิดพลาดไว้ว่ามันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น เลเซอร์ที่ใช้เป็นตัวไหน แรงพอหรือเปล่า เหมาะหรือเปล่า บางทีเลเซอร์ตัวที่ใช้ยิงให้เรายังไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากอเมริกาหรือไทยมาเลย แต่ก็เอามาใช้กับเรา ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน ซึ่งจริงๆแล้วเลเซอร์มันก็สามารถช่วยรักษาสิวหรือหลุมสิวได้จริง แต่ทางคลินิกมักไม่ค่อยพูดความจริงในเรื่องที่ว่าการรักษาด้วยเลซอร์นั้นมันไม่ได้ผลกับทุกคน คนที่หายมีน้อยกว่าคนไม่หายเยอะ ถ้าเทียบเป็นอัตราส่วนระหว่างคนที่รักษาสิวด้วยเลเซอร์หาย ต่อคนที่ไม่หาย จะประมาณ 1 ใน 10 หรือ 1 ใน 20 เลยก็ได้
ความไม่เข้าใจของคนไข้และผู้ปกครองของคนไข้
เรื่องนี้หมอน่าจะพูดถึงน้องๆที่ยังเด็กอยู่แต่เริ่มเป็นสิว ผู้ปกครองบางคนไม่เข้าใจ คิดดว่าสิวเป็นเรื่องปกติ แค่ทายาหรือกินยารักษาสิวเดี๋ยวก็หาย ไม่ต้องไปหมอก็ได้ หรือ บางคนเข้าใจว่าถ้าเราเป็นสิวเราไม่จำเป็นต้องทายารักษาสิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์อะไรมาทาหน้าเลย เดี๋ยวสิวมันก็หายไปเอง ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก เพราะความจริงสิวก็จัดเป็นโรคชนิดหนึ่ง ต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้อง บางครั้งการซื้อยารักษาสิวมาทาหรือมากินเองนั้นถ้าโชคดีซื้อถูกตัวก็ดีไป แต่ถ้าโชคร้ายซื้อมาไม่ถูกกับประเภทสิวสิวก็ไม่หาย แถมอาจทำให้เป็นสิวหนักขึ้นกว่าเดิมอีก ยิ่งยากินรักษาสิวนั้นไม่ควรซื้อมากินเองอย่างยิ่ง เพราะมันมีผลข้างเคียงซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายมากกว่าที่เราคิด เพราะฉะนั้นถ้าเป็นสิวแล้วต้องรีบรักษาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นสิวแบบเรื้อรัง และป้องกันปัญหาหลุมสิวที่จะตามมา
ให้การรักษาแบบไม่ต่อเนื่อง
หมอได้พูดถึงคลินิกรักษาสิวบางคลินิกที่อาจให้การรักษาเราแบบไม่ต่อเนื่อง ทำให้สิวของเราไม่ยอมหายสักที เช่น ตอนแรกก็จะให้ยารักษาสิวที่ขนาดความแรงระดับหนึ่งไป ใช้ไปได้สักระยะหนึ่งอาการสิวก็ดีขึ้นมาก พอสิวเริ่มลดน้อยลงก็ปรับขนาดความแรงของยาให้ลดลง ซึ่งทำให้สิวที่กำลังจะดีกลับแย่ลงมา บางที่ก็อาจให้ยาที่มีเสตีรอยด์มากเกินไปจนทำให้เลิกใช้ยาไม่ได้ เลิกแล้วสิวจะเห่อขึ้นมาทันที ก็จำเป็นต้องหาหมอทายากันต่อไป ซึ่งศัพท์ที่ใช้เรียกแทนวิธีการเหล่านี้ก็คือ "การเลี้ยงไข้" นั่นเอง เกิดเป็นการรักษาสิวที่ไม่ต่อเนื่อง ทำให้การรักษาไม่ได้ผลเท่าที่ควร สุดท้ายก็กลายเป็นภาระอันหนักหน่วงของคนไข้ไป เงินก็ต้องเสีย แถมหน้าก็ไม่ดีขึ้น เป็นใครก็คงเซ็งด้วยกันทั้งนั้น
บทความที่หมอคนนี้เขียนขึ้นไม่ได้เป็นแบบนี้เป๊ะๆนะครับ ผมสรุปใจความออกมาได้ประมาณนี้ ผมว่ามันโดนใจดี แล้วมันก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดในสังคมของเราทุกวันนี้ด้วย วันที่เรื่องผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ซึ่งผมคิดว่าคงไม่มีใครอยากเป็นคนเสียผลประโยชน์หรอกจริงมั้ยครับ คนเป็นสิวอย่างพวกเราแค่เป็นสิวก็กลุ้มใจพออยู่แล้ว แต่พอไปเข้ารับการรักษากลับเจอกับเรื่องแบบนี้อีกมันน่าเศร้าดีแท้
บทความนี้ไม่ได้ต้องการจะโจมตีหรือพูดให้ใครเสียหายนะครับ เพียงแต่ต้องการบอกเล่าเรื่องจริงที่จะทำให้ทุกคนเกิดการฉุกคิดขึ้นเท่านั้น หวังว่าบทความการรักษาสิวนี้จะเกิดประโยชน์กับผู้อ่านทุกคน และ Acnedefend หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะได้พบเจอกับหมอรักษาสิวหรือคลินิกรักษาสิวที่จริงใจ ที่พร้อมจะรักษาสิวให้กับทุกคนให้หายอย่างที่ตั้งใจไว้ ซึ่งผมเชื่อว่าหมอและคลินิกดีๆเหล่านี้ยังมีอยู่เยอะ ขอให้ทุกคนโชคดี เป็นกำลังใจให้ครับ
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น