หายไปนานเนื่องจากติดภาระกิจสำคัญวันเช็งเม้ง บวกกับช่วงนี้ต้องปิดงานให้ได้ก่อนสงกรานต์ก็เลยไม่ได้เขียนบทความรักษาสิวไปหลายวัน วันนี้ฤกษ์งามยามดีต้องเขียนสักหน่อยแล้ว ก็เลยจัดบทความที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังมองหาครีมรักษาสิวมาจัดการสิวบนหน้า ซึ่งในวันนี้จะแนะนำครีมแบบแพ็คคู่ คือ ใช้ร่วมกันจะช่วยให้การรักษาสิวได้ผลดีมากยิ่งขึ้น เรียกว่าเป็นครีมรักษาสิวแบบ mix and match เลยก็ว่าได้
Benzac 5% ใช้ร่วมกับ Retin-A 0.025%
สูตรใช้ครีมรักษาสิวสูตรนี้ เป็นสูตรที่ถ้าหน้าใครทนทานแล้วล่ะก็จัดเป็นการรวมพลังรักษาสิวที่ยอดเยี่ยมมาก โดยวิธีการใช้ครีมนั้น ตอนเช้าให้เราทา Benzac AC 5% ให้ทั่วใบหน้า ก่อนล้างหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยการล้างหน้าตามปกติ พอตกเย็นก่อนเข้านอน หลังจากอาบน้ำล้างหน้าเรียบร้อยแล้ว ให้เราทา Retin-A 0.025% ตรงบริเวณที่เป็นสิวอุดตัน ทาทิ้งไว้โดยไม่ต้องล้างออก โดย Bezac AC 5% นั้น จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นต้นเหตุการเกิดสิว ช่วยลดการอักเสบของสิว และช่วยลดการอุดตันบริเวณผิวหน้าได้เป็นอย่างดี ส่วน Retin-A นั้น จะช่วยผลัดเซลผิวชั้นบนของเรา ช่วยลดการอุดตันซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอุดตัน นอกจากนี้ Retin-A ยังมีคุณสมบัติช่วยลดความมันบนผิวหน้า ซึ่งเหมาะกับคนที่ผิวมันมากๆ และยังมีส่วนช่วยลดรอยแดง จุดด่างดำที่เกิดจากสิวได้ดีอีกด้วย
ยังไงก็แล้วแต่ เนื่องจากทั้ง Benzac AC 5% และ Retin-A เป็นครีมรักษาสิวที่ค่อนข้างแรง เพราะฉะนั้นใครที่คิดจะใช้ร่วมกันควรทดสอบการใช้ก่อนทุกครั้งว่าผิวหน้าเรารับได้หรือไม่ นอกจากนี้ควรหามอยเจอไรเซอร์และครีมกันแดดที่เหมาะกับตัวเองมาทาร่วมด้วย เพื่อป้องกันการระคายเคืองและผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ครีม
Eryacne Erythromycin Gel 4% ใช้ร่วมกับ Differin Gel 0.1%
สูตรครีมรักษาสิวสูตรนี้ เหมาะกับคนที่เป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ ที่ใช้ Retin-A กับ Benzac ไม่ได้ จึงปรับสูตรมาใช้ Eryacne Erythromycin Gel 4% กับ Differin Gel 0.1% แทน โดยการใช้นั้นให้เราใช้ Eryacne Erythromycin Gel 4% ทาตรงบริเวณหัวสิวที่อักเสบของเรา สามารถทาได้เช้าเย็น หลังล้างหน้า โดย Eryacne Erythromycin Gel 4% นั้นจริงๆแล้วมันก็คือยาแต้มสิวชนิดหนึ่ง ซึ่งตัวยาที่ออกฤทธิ์คือ Erythromycin ซึ่งสามารถช่วยลดการอักเสบของสิว สามารถฆ่าเชื้อสิวได้ ส่วน Differin Gel 0.1% ใช้ทาก่อนเข้านอน ทาทิ้งไว้โดยไม่ต้องล้างออก โดยตัวยาออกฤทธิ์คือ Adapalene 0.1% ซึ่งสามารถช่วยลดการหนาตัวของชั้นผิวเคราติน ช่วยลดการอุดตันบริเวณผิวหน้า ช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้ดี ซึ่งจะมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับ Retin-A แต่จะมีความแรงและการระคายเคืองที่น้อยกว่า และมีราคาที่แพงกว่า Retin-A ประมาณ 2 เท่า ใครที่คิดว่าหน้าจตัวเองไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร อาจลองเริ่มต้นทาครีมจากสูตรนี้ก็ได้ครับ
Vitara Clinda Gel ใช้ร่วมกับ Skinoren cream
สูตรนี้น่าจะเป็นสูตรรักษาสิวที่เบาที่สุดในบรรดา 3 สูตรที่แนะนำนี้ โดยใช้ Vitara Clinda Gel ร่วมกับ Skinoren cream ซึ่ง Vitara Clinda Gel จัดเป็นเจลแต้มสิวตัวหนึ่ง โดยมีตัวยาออกฤทธิ์คือ Clindamycin ซึ่งเป็นตัวยาที่นิยมใช้ในการรักษาสิว มีทั้งแบบทาและแบบกิน โดยตัวยาสามารถช่วยลดอาการอักเสบของสิว รวมถึงการยับยั้งเชื้อสิวไม่ให้มันแพร่ออกไปเป็นวงกว้าง ใช้แต้มหัวสิวที่อักเสบ หรือหัวสิวที่กำลังจะอักเสบ สามารถทาได้เช้าและก่อนนอนหลังล้างหน้า หรือทาได้ทุกเวลาตามต้องการ
ส่วน Skinoren cream เป็นครีมที่ใช้ลดสิวอุดตัน ตัวยาออกฤทธิ์คือ Azelaic acid 20% ซึ่งเป็นกรดที่สกัดมาจากพวกธัญญาพืช โดยช่วยลดการสร้างผิวในชั้นเคราติน ซึ่งหากผิวเราสร้างผิวขึ้นมาแล้วหน้าเราผลัดเซลผิวได้ไม่ดี มันก็จะทับถมกันจนทำให้เกิดการอุดตันขึ้นมาได้ง่าย นอกจากนี้ Azelaic acid ที่อยู่ในครีม Skinoren นี้ ยังมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติของเรา จึงสามารถช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำที่เกิดจากสิวได้อีกด้วย โดยการทานั้นสามารถทาได้ทั้งเช้า และก่อนนอน ทาทิ้งไว้โดยไม่ต้องล้างออก ช่วยลดการเกิดสิวอุดตันได้ดี คือ โดยปกติแล้ว Skinoren cream หรือ Azelaic acid นี้จะเป็นตัวยาตัวเลือกลำดับหลังๆ คือหลังจากที่ใช้ตัวยาอื่นแล้วไม่ค่อยได้ผล ก็จะมาลองใช้ Azelaic acid ในการรักษาดู ซึ่งจัดเป็นตัวยาที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองน้อยกว่าตัวอื่นๆ
นี่ก็เป็น 3 สูตรครีมรักษาสิวคู่จิ้นที่เอามาแนะนำในวันนี้ ใช้ร่วมกันจะช่วยให้การรักษาสิวดีขึ้น ซึ่งสูตรทาครีมที่แนะนำในวันนี้จะเน้นไปที่การรักษาสิวอักเสบ กับสิวอุดตันซะเป็นส่วนใหญ่ ยังไงในบทความต่อไปจะมาแนะนำครีมรักษาสิวสำหรับคนเป็นสิวผดบ้างก็แล้วกันครับ สามารถติดตามบทความภาค 2 ได้ในวันต่อไปกับ Acnedefend บล็อกเพื่อคนเป็นสิวทุกๆคนครับ
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น