ถ้าเราไม่แต่งหน้าเราก็คงไม่จำเป็นต้องใช้บริการของคลีนซิ่งหรือ remover สำหรับเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอาง โดยเฉพาะคนเป็นสิวด้วยแล้วการแต่งหน้าดูจะเป็นอุปสรรคต่อการรักษาสิวให้หายเป็นอย่างยิ่ง แต่ในความเป็นจริงจะมีสาวๆสักกี่คนที่จะหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าได้ โดยเฉพาะสาววัยทำงานที่ต้องพบปะผู้คนมากหน้าหลายตา การแต่งหน้าก็เลยกลายเป็นเรื่องจำเป็นในชีวิตประจำวันไปซะแล้ว
หากพูดถึงคลีนซิ่งสำหรับเช็ดก่อนล้างหน้านั้น ตัวผมเองก็ไม่ถนัดเรื่องนี้สักเท่าไร ถ้ามีคนถามว่าใช้ยี่ห้อไหนดีผมก็คงไม่สามารถแนะนำได้กว้างขวางนัก จะมีแค่ 1-2 ตัวที่พอรู้จักและรู้สึกว่าใช้ดีอยู่เหมือนกัน และสำหรับบทความคลีนซิ่งสำหรับคนเป็นสิวที่จะมาพูดถึงในวันนี้ ผมได้มาจากหนังสือเคล็ดลับผิวใสสไตล์ญี่ปุ่นเจ้าเดิม ซึ่งได้แนะนำการใช้คลีนซิ่งแต่ละแบบไว้อย่างน่าสนใจ แบบใดเหมาะกับผิวแบบไหน แล้วคนเป็นสิวล่ะใช้คลีนซิ่งประเภทไหนจึงจะดีที่สุด ตามมาดูกันได้เลยครับ
สะอาดสุดต้องคลีนซิ่งแบบออย
คลีนซิ่งชนิดออย เป็นคลีนซิ่งที่ทำความสะอาดผิวได้ดีที่สุด สามารถละลายเครื่องสำอางที่คลุมหน้าของเราไว้ได้อย่างสะอาดหมดจดภายในระยะเวลาอันสั้น แต่ข้อเสียของคลีนซิ่งแบบออยคือ
1. คลีนซิ่งออยทำความสะอาดดีเกินไป
อย่างที่บอกไว้ว่าคลีนซิ่งออยนั้นทำความสะอาดเครื่องสำอางได้ดีมาก จนบางครั้งมันไปชะล้างเอาเซรามายด์ ซึ่งเป็นน้ำมันที่คอยให้ความชุ่มชื้นกับผิวออกไปด้วย ทำให้บางครั้งการเช็ดหน้าด้วยคลีนซิ่งออยอาจทำให้หน้าแห้งและระคายเคืองมากเกินไป ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของปัญหาผิวอื่นๆตามมาได้
วิธีแก้ปัญหา
อย่าถูคลีนซิ่งออยที่หน้านานเกินไป ถ้าเห็นว่าเครื่องสำอางละลายหมดแล้วก็ให้รีบล้างหน้าทันที เพราะยิ่งถูนาน เซรามายด์บนผิวหน้าเราก็จะยิ่งละลายออกไปมากขึ้นนั่นเอง
2. คลีนซิ่งแบบออยตกค้างง่าย
ถึงแม้ว่าคลีนซิ่งออยจะสามารถลบเครื่องสำอางได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ถ้าเราล้างหน้าหลังจากใช้คลีนซิ่งออยไม่สะอาด มันก็จะตกค้างและอาจก่อให้เกิดการอุดตันผิว การล้างหน้าไม่สะอาดก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวอุดตันตามมาได้
วิธีแก้ปัญหา
หลังจากที่เราเช็ดเครื่องสำอางด้วยคลีนซิ่งออยเสร็จ ให้เราชโลมน้ำลงบนหน้าเล็กน้อย แล้วใช้นิ้วมือทั้ง 2 ข้างคลึงที่หน้าเบาๆจะเกิดเป็นขุ่นขาวคล้ายน้ำนมขึ้น จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำออกอีกที จะช่วยให้การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่งออยสะอาดมากขึ้น
คลีนซิ่งน้ำนม ครีม และเจล
คลีนซิ่งที่ 3 แบบนี้ เป็นคลีนซิ่งที่น้ำมันจะละลายอยู่ในน้ำ เวลาที่เราใช้ส่วนที่เป็นน้ำจะสัมผัสกับผิวหน้าของเราก่อนทำให้เกิดการอักเสบของผิวได้น้อยกว่า นอกจากนี้คลีนซิ่งทั้งแบบครีม น้ำนม และเจล ยังมีส่วนผสมของน้ำมันน้อยกว่าแบบออย แถมยังไม่ทำให้ผิวแห้งตึงมากเกินไปอีกด้วย จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนเป็นสิวมาก
ข้อเสียของคลีนซิ่งน้ำนม ครีม และเจล
ข้อเสียของคลีนซิ่งทั้ง 3 แบบคือ มันทำความสะอาดหรือล้างเครื่องสำอางได้ไม่ดีเท่าแบบออย คือต้องใช้เวลานานกว่าจะเช็ดเครื่องสำอางออกหมด วิธีแก้ปัญหาก็คือ ต้องนวดหน้าไปเรื่อยๆจนกว่าจะรู้สึกเบามือ ไม่หนืดมือ แล้วค่อยล้างออก จึงจะสามารถล้างเครื่องสำอางได้อย่างหมดจด
แล้วคลีนซิ่งแบบไหนเหมาะกับคนเป็นสิวมากที่สุด?
ในหนังสือบอกไว้ว่า "คลีนซิ่งแบบเจล" เหมาะกับคนเป็นสิวมากที่สุด เหมาะกับคนหน้ามัน คนหน้ามันมักเป็นสิวง่าย ในขณะที่คลีนซิ่งแบบครีมและแบบน้ำนมจะเหมาะกับคนผิวแห้ง เพราะใส่ส่วนผสมสารให้ความชุ่มชื้นลงไปเพิ่มเติม เพื่อที่เวลาเช็ดเครื่องสำอางออกแล้วผิวหน้าจะได้ไม่แห้งมากเกินไปนั่นเอง
นี่ก็เป็นเกร็ดความรู้เกี่ยวกับคลีนซิ่งแบบต่างๆที่อยากเอามาแชร์ในวันนี้ ปัจจุบันนี้มีคลีนซิ่งมากมายหลายยี่ห้อมาให้เราเลือกซื้อเลือกใช้ คลีนซิ่งอีกสูตรที่ผมว่า work เหมือนกันก็คือคลีนซิ่งแบบ Liquid เป็นสูตรน้ำ จะเหลวกว่าสูตรอื่นแต่ทำความสะอาดผิวหน้าได้ดีมาก เหมาะกับผิวมันและผิวผสม ซึ่งผมคิดว่าเป็นอีกหนึ่งสูตรที่เหมาะกับคนเป็นสิวด้วยเช่นกัน ก็ฝากเอาไว้กับบทความคลีนซิ่งในวันนี้ครับ หากใครสนใจดูบทความเกี่ยวกับคลีนซิ่งที่ผมเคยเขียนไว้เพิ่มเติม ตามมาได้ที่ลิงค์นี้ครับ ศึกคลีนซิ่งล้างเครื่องสำอางค์ลดสิว Bioderma VS Bifesta ตัวไหนสะอาดกว่า ดีกว่า ลดสิวมากกว่ากัน
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น