ร่างกายร้อนดับด้วยฤทธิ์เย็น ร่างกายเย็นดับด้วยอาหารร้อน ปัญหาสิวที่ผ่านมาดีขึ้นแน่นอน



ต่อเนื่องจากบทความที่แล้ว หน้าเป็นสิวเพราะ "ร่างกายร้อนเกินไป" แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าร่างกายเราร้อนหรือเย็น ที่นี่มีคำตอบ!!! มาถึงบทความนี้เราจะมาพูดถึงวิธีแก้ไขภาวะของร่างกายที่ได้ว่าไว้ ก็คือ ภาวะร้อนเกิน กับภาวะเย็นเกิน



ความจริงแล้วการแก้ไขนั้นต้องทำหลายๆวิธีร่วมกันไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการควบคุมอาหารการกิน การควบคุมความเครียด การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ แต่สำหรับบทความนี้จะเน้นไปในเรื่องการควบคุมอาหาร เพราะภาวะร้อนหรือเย็นเกิน จะเกิดมาจากการกินอาหารในชีวิตประจำวันของเราซะเป็นส่วนใหญ่ ใครที่เป็นสิวไม่หายสักทีก็มีโอกาสเกิดจากอาหารที่กินเข้าไปในแต่ละวันได้เหมือนกัน

ตัวผมเองตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกันตรงไหน คิดว่าถ้าเราใช้ครีมหรือยาทารักษาสิวที่เหมาะสมกับสภาพผิวแล้ว สิวที่หน้ามันก็น่าจะหายไปได้ แต่พอเอาเข้าจริงมันก็ไม่เป็นอย่างที่ผมคิด สิวมันไม่หายครับ ขึ้นแล้วขึ้นอีก ขึ้นจนเบื่อจนเซ็ง จนสุดท้ายไม่มีอะไรจะเสียก็เลยลองทำตามหลักการภาวะร้อน-เย็นที่ว่า เอ่อ!!! มันดีขึ้นจริงๆ ของอย่างนี้ไม่เชื่อแต่ก็อย่าลบหลู่ครับ เอาล่ะครับเกริ่นกันมายาวพอสมควรแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าคนที่มีภาวะร้อนเกินควรกินอะไรดี หรือคนที่มีภาวะเย็นเกินต้องกินอะไรกันบ้าง



อาหารสำหรับคนที่มีภาวะร้อนเกินควรกิน


ในเมื่อร่างกายภายในของเรามันร้อนจนเกินไป อาหารหรือสมุนไพรที่กินเข้าไปก็ต้องเป็นของฤทธิ์เย็น เพื่อให้ความเย็นไปดับร้อน เหมือนเอาน้ำไปดับไฟ โดยอาหารที่จะพูดถึงต่อไปนี้ได้มาจากเว็บไซต์หนึ่ง ซึ่งก็ได้เรียบเรียงมาจากหลักการด้านอาหารของ "คุณหมอเขียว" อีกเช่นเคย ลองอ่านกันดูนะครับ

อาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต


  • ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้องเหลือง วุ้นเส้น หมี่ขาว ข้าวขาว น้ำตาล โดยข้าวขาว หมี่ขาว และน้ำตาล ให้กินในปริมาณน้อยเท่านั้น (กินมากจะทำให้ร่างกายร้อนมากขึ้น)

อาหารกลุ่มโปรตีน


  • เห็ดฟาง เห็ดหูหนู เห็ดนางฟ้า เห็ดลม เห็ดขอนขาว
  • ถั่วเขียว ถั่วขาว ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา ลูกเดือย

ผักฤทธิ์เย็น


  • ข้าวโพด ขนุนดิบ ดอกสลิด (ดอกขจร) ฝัก/ยอด/ดอกแค
  • กระหล่ำดอก ก้านตรง กวางตุ้ง ผักกาดฮ่องเต้ ผักกาดขาว ผักกาดหอม 
  • ใบเตย ผักติ้ว ตังโอ๋ ใบ/ยอดตำลึง 
  • ถั่วงอก ปวยเล้ง ผักปลัง 
  • หยวกกล้วย ปลีกล้วย ก้านกล้วย กล้วยดิบ หัวไช้เท้า (ผักกาดหัว) ก้างปลา
  • พญายอ (เสลดพังพอนตัวเมีย) 
  • มะละกอดิบ หรือห่าม มะเขือเปราะ มะเขือลาย มะเขือยาว มะเขือเทศ มะเดื่อ มะอึก ใบมะยม ใบมะขาม
  • ฟักทองอ่อน ยอดหรือดอกฟักทอง ยอดฟักข้าว ยอดฟักแม้ว ฟัก แฟง แตงต่างๆ 
  • ย่านางเขียว-ขาว
  • มังกรหยก มะรุม ยอดมะม่วงหิมพานต์ 
  • ว่านกาบหอย ว่านหางจระเข้ ว่านมหากาฬ ทูน (ตูน) ว่านง็อก (ใบหูลิง) ผักว่าน
  • รางจืด
  • โสมไทย ใบส้มป่อย ส้มเสี้ยว ส้มรม ส้มกบ
  • อ่อมแซบ (เบญจรงค์) ยอดอีสึก (ขุนศึก) อีหล่ำ 
  • หมอน้อย ผักหวานป่า ผักหวานบ้าน เหงือกปลาหมอ ผักโหบแหบ

ผลไม้ฤทธิ์เย็น


  • สับปะรด สตรอเบอรี่ สาลี่ ส้มโอ ส้มเช้ง ส้มซ่า ส้มเกลี้ยง สมอไทย 
  • มังคุด มะยม มะขวิด มะดัน มะม่วงดิบ มะละกอดิบ-ห่าม มะขามดิบ 
  • กล้วยน้ำว้าห่าม กล้วยหักมุก แก้วมังกร กระท้อน
  • แคนตาลูป 
  • ชมพู่ เชอรี่
  • น้ำมะนาว น้ำมะพร้าว
  • ลางสาด
  • แตงโม แตงไทย 
  • ลูกหยี หมากเม่า หมากผีผ่วย 
  • ทับทิมขาว ลูกท้อ

    นี่ก็เป็นอาหาร ผัก และผลไม้ฤทธิ์เย็นที่คนที่ภาวะร้อนเกินควรกินกัน ความจริงแล้วยังมีอีกมากมายที่ยังไม่ได้พูดถึง ซึ่งเราก็สามารสังเกตเองได้ว่าผักผลไม้แบบไหนมีฤทธิ์เย็น โดยลักษณะจะเป็นประมาณนี้ คือ มีรสจืด ออกหวานอ่อนๆ สีจะเป็นโทนสีอ่อนๆ เช่น ขาว เขียวอ่อนๆ เนื้อจะยุ่ยๆ หลวมๆ เนื้อไม่แน่น กินแล้วจะรู้สึกเย็นๆสดชื่นผ่อนคลาย ลองสังเกตกันดูครับ



อาหารสำหรับคนที่มีภาวะร้อนเกินควรกิน


ในบางคนก็อาจมีภาวะเย็นเกิน อาการก็จะเป็นเหมือนที่บอกไว้ในบทความก่อนหน้านี้ คือตัวจะซีด หน้าซีด ปากซีด ไม่ค่อยมีแรงประมาณนี้ ดังนั้นคนที่ธาตุเย็นก็ต้องกินของที่มีฤทธิ์ร้อนเข้าไปเพื่อปรับสมดุลของร่างกายให้ดีขึ้น อาหาร ผักและผลไม้ที่ควรกินมีดังนี้

อาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต


  • ข้าวเหนียว ข้าวแดง ข้าวดำ (ข้าวก่ำ ข้าวนิล) ข้าวอาร์ซี ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ 
  • เผือก มัน กลอย อาหารหวานจัด ขนมปัง ขนมกรุบกรอบ บะหมี่ซอง

อาหารกลุ่มโปรตีน


  • โปรตีนจากพืชและสัตว์ที่หมักดอง เช่น เต้าเจี้ยว มิโสะ โยเกิร์ต ซีอิ้ว แทมเป้ กะปิ น้ำปลา ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาเค็ม 
  • ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วลิสง ถั่วทอดทุกชนิด
  • เนื้อ นม ไข่ 
  • โปรตีนจากพืชและสัตว์ที่หมักดอง เช่น เต้าเจี้ยว มิโสะ โยเกิร์ต ซีอิ้ว แทมเป้ กะปิ น้ำปลา ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาเค็ม 
  • เนื้อเค็ม แหนม ไข่เค็ม ซีอิ้ว

ผักฤทธิ์ร้อน


  • กระชาย กระเพรา กุ้ยช่าย (ผักแป้น) กระเทียม
  • ผักชี ยี่หร่า โหระพา พริก พริกไทย (ร้อนมาก) แมงลัก 
  • ขิง ข่า (ข่าแก่จะร้อนมาก) ขมิ้น 
  • ไพล ตะไคร้ ใบมะกรูด เครื่องเทศ 
  • กะหล่ำปลี กระเฉด ใบยอดและเมล็ดกระถิน ผักกาดเขียวปลี
  • คะน้า แครอท
  • ผักโขม ผักแขยง

ผลไม้ฤทธิ์ร้อน


  • กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ กระเจี๊ยบแดง กระทกรก (เสาวรส)
  • กล้วยหอมทอง และกล้วยหอมเขียว
  • ขนุนสุก ฝรั่ง น้อยหน่า
  • เงาะ ทุเรียน ทับทิมแดง
  • มะตูม มะเฟือง มะไฟ มะแงว มะปราง มะม่วงสุก มะขามสุก (ร้อนเล็กน้อย) มะละกอสุก (ร้อนเล็กน้อย) 
  • ลิ้นจี่ ลำไย ลองกอง ละมุด ลูกยอ ลูกลำดวน ลูกยางม่วง ลูกยางเขียว ลูกยางเหลือง 
  • สละ ส้มเขียวหวาน สมอพิเภก 

    นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เกิดความร้อนจากการกินอาหารขึ้นมาได้ เช่น การกินอาหารที่มีรสจัด ไม่ว่าจะเป็น เผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด อาหารที่ใส่ผงชูรสเยอะๆ อาหารที่ผ่านความร้อนมานานๆ  ต้องต้มนานๆ ต้มจนเปื่อยๆ หรือใช้ความร้อนแรงๆในการปรุง การดื่มน้ำร้อนจัดหรือเย็นจัด ขนมปังเบอเกอรี่ น้ำอัดลม ชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอร์ ไข่เค็ม ของดอง อาหารทะเล ซึ่งผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกับอาหารต้องห้ามของคนเป็นสิวที่ควรหลีกเลี่ยงไว้เหมือนกัน หากสนใจลองอ่านได้ที่บทความนี้ครับ อาหารต้องห้ามที่ทำให้เกิดสิว อยากหายเลิกกินเดี๋ยวนี้!!!

ประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องอาหารกับการรักษาสิวผม


    ผมมีประสบการณ์จากเรื่องการปรับตัวของคนที่มีภาวะร้อนเกิน ซึ่งผมเข้าข่ายอยู่หลายข้อ พอรู้ว่าตัวเองเป็นคนธาตุร้อนก็เลยพยายามปรับตัวเพื่ออยากรู้ว่า จะสามารถช่วยเรื่องสิวให้ดีขึ้นได้มั๊ย สิ่งแรกที่ผมทำก็คือหลีกเลี่ยงอาหารฤทธิ์ร้อนต่างๆ บอกตามตรงว่าตอนแรก ทำใจลำบากมาก เพราะไอ้อาหารฤทธิ์ร้อนที่ว่ามันมีแต่ของโปรดของผมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ขนมเค้ก โดนัท ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมปัง ช็อคโกแลต ไอศรีม พิซซ่า และอีกเยอะแยะมากมาย

    ผมลดการกินอาหารพวกนี้ลงไปเยอะมาก เรียกได้ว่าอาทิตย์หนึ่งจะกินสักครั้งหนึ่ง จากที่เคยกินทุกวัน แต่พอทำไปนานๆเข้ามันก็เกิดเป็นความเคยชิน พักหลังๆก็เลยไม่ค่อยรู้สึกโหยหา หรืออยากกินสักเท่าไร เห็นถึงจะอยาก แต่ถ้าไม่เห็นก็คิดอยากกินอะไร กินข้าวเสร็จมันก็อิ่มแล้ว ก็ไม่อยากกินอะไรเพิ่ม กินอีกทีก็มื้อต่อไปซึ่งก็กินข้าวจนอิ่มเหมือนเดิม ซึ่งเป็นอย่างนี้มานานมากแล้ว

ผลที่ได้จากการปรับตัวในครั้งนั้น


    ผลที่ได้รับจากการหลีกเลี่ยงการกินอาหารฤทธิ์ร้อน และกินอาหารฤทธิ์เย็นเพิ่มเติมคือ สิวอักเสบที่ผมเป็นอยู่ประจำหายไปเลยครับ จากที่เคยขึ้นเกือบทุกวัน ยุบไปก็ขึ้นมาอีกซ้ำซากจำเจ ซึ่งเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ไปกินหรือทำอะไรเพื่อกระตุ้นมัน สิวอักเสบไม่เคยขึ้นมาอีกเลยครับ หายไปจริงๆ ทุกวันนี้ยังไม่ค่อยอยากเชื่อเลยว่ามันหายไปได้จริงๆ เหมือนฝันน่ะครับ คือลองคิดดูครับว่า จากคนที่เคยเป็นสิวมาทั้งชีวิต อยู่กับสิวมานานจนสนิทกันแล้ว วันไหนไม่มีสิวอักเสบที่หน้าถือว่าเป็นเรื่องแปลก แต่มาวันนี้อยู่ดีๆมันก็หายไป แรกๆก็ไม่ค่อยชิน เพราะเวลาล้างหน้าเราต้องได้สัมผัสกับสิวเป็นประจำ แต่ตอนนี้ชินแล้ว และอยากบอกมันว่าชาตินี้อย่ากลับมาอีกนะ ลาขาดเลยแล้วกัน

    ขอสรุปเรื่องอาหารฤทธิ์ร้อน-เย็นตามความคิดเห็นส่วนตัว ผมคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับการเกิดสิวมากครับ จากประสบการณ์การทดลองต่างๆที่ผ่านมาก็เห็นๆอยู่ว่า ถ้าเราปรับตัวเองให้ร่างกายเกิดความสมดุลได้แล้ว ปัญหาสิวที่เป็นมานานมันหายได้จริงครับ ไม่ต้องทำอย่างเคร่งครัดอะไรมากมาย ทำเท่าที่เราพอจะทำได้ ไปเคร่งเครียดมากเกินไป เดี๋ยวก็เป็นสิวอีก ไม่ดี ไม่ดี ทำแล้วให้เราสบายใจ และเต็มใจที่จะทำ แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าทำอย่างที่ว่าแล้วสิวจะหายนะครับ อาจจะไม่หายก็ได้เพราะคนเราไม่เหมือนกัน แต่ที่ผมเอามาแชร์ในครั้งนี้เพราะผมเห็นว่าผมทำแล้วได้ผล ช่วยให้สิวหายได้ ก็หวังว่าวิธีนี้อาจจะช่วยให้คนอื่นๆหายได้เหมือนกับผมบ้าง ไม่ต้องทุกคน แค่บางคนผมก็ดีใจแล้วครับ อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมบ้าง แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดี

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pat-naja&month=10-2009&date=20&group=11&gblog=5 ด้วยครับ


Share on Google Plus

About Untitle

บล็อกรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด สิวสเตียรอยด์ สิวเสี้ยน รักษาหลุมสิว รักษาสิวด้วยธรรมชาติ เลเซอร์รักษาสิว แชร์ประสบการณ์รักษาสิวผ่านมุมมองของ Acnedefend บล็อกเพื่อคนเป็นสิวทุกๆคน

2 ความคิดเห็น :

  1. จะแบ่งจากอะไรว่าเราร้อนหรือเราเย็น ปกติเป็นคนขี้ร้อน เกี่ยวกันไหม

    ตอบลบ
  2. ต้องสังเกตร่างกายตัวเองครับ เช่น มีสิวขึ้น ปากแห้ง มีแผลในช่องปากด้านล่าง ตัวร้อน มีเส้นเลือดขอด ท้องผูก ท้องอืด อันนี้แปลว่าร่างกายร้อนเกินไป
    แต่ถ้ามีแผลในช่องปากด้านบน ตาแฉะ ตัวเย็น มือเท้าเย็น แปลว่าร่างกายเย็นเกินไป
    กินให้สมดุลจ้าา

    ตอบลบ