สาเหตุการเกิดสิวบนหน้าของเรานี่เยอะจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายนอก เช่น ฝุ่น ควันรถ แสงแดด อากาศร้อน หนาว ชื้น เครื่องสำอางที่ใช้ หรือปัจจัยภายใน เช่น ความเครียด การนอนดึก ฮอร์โมนเพศ อาหารการกิน ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าเรายังเป็นสิวมาจนถึงทุกวันนี้ทั้งสิ้น
วันก่อนมีน้องคนหนึ่งมาปรึกษาผมเกี่ยวกับเรื่องการรักษาสิว ซึ่งก่อนที่ผมจะตอบคำถามทุกครั้งผมมักจะถามถึงสภาพผิวหน้าว่าเป็นยังไง ผิวแบบไหน เป็นสิวตรงไหน สิวอะไรบ้าง โฟมล้างหน้าใช้ตัวไหนอยู่ ทาครีมอยู่กี่ตัว เพื่อที่ผมจะได้ให้คำแนะนำได้ใกล้เคียงความเป็นจริงและมีประโยชน์มากที่สุด ซึ่งหลายครั้งเมื่อผมได้ฟังพฤติกรรมบางอย่างที่แต่ละคนเล่ามา ผมมีความรู้สึกว่าบางคนยังมีความเข้าใจผิดบางเรื่องเกี่ยวกับการดูแลผิวหน้าในขณะที่เป็นสิวอยู่ไม่น้อย วันนี้ Acnedefend ก็เลยตั้งใจว่าจะมาพูดถึงเรื่อง "ข้อห้ามที่คนเป็นสิวไม่ควรทำกับหน้า" ซึ่งแต่ละข้อที่จะพูดถึงต่อไปนี้มักจะเป็นพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเป็นสิวที่หน้า และอาจไม่เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ผมคิดว่าคนเป็นสิวส่วนใหญ่ควรหลีเลี่ยงไว้เป็นดี ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาดูกันได้เลยครับ
อย่าล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น
ข้อนี้หลายคนยังเข้าใจผิดคิดว่าการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจะทำให้หน้าเราสะอาด เนื่องจากน้ำอุ่นจะสามารถเข้าไปละลายไขมันในรูขุมขนได้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนะ ผมว่ายิ่งเราใช้น้ำอุ่นล้างหน้าจะยิ่งทำให้ผิวเราแห้ง ไม่มีความชุ่มชื้น และถ้ายิ่งล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นทุกวันอาจทำให้ผิวหนังเกิดอักเสบขึ้นมา และที่สำคัญอาจทำให้สิวเห่อขึ้นมามากกว่าเดิมได้ บางคนบอกว่าเราแค่ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นแป๊บเดียว เดี๋ยวเราก็เอาน้ำเย็นมาปิดรูขุมขนแล้วไม่น่ามีปัญหา แต่ผมคิดว่าปัญหามันเกิดตั้งแต่ตอนเราเอาหน้าไปโดนน้ำอุ่นแล้วล่ะครับ น้ำหรือความชุ่มชื้นของผิวเราคงจะออกไปตั้งนานแล้ว เอาน้ำเย็นมาล้างตอนสุดท้ายก็คงจะไม่ทัน เพราะฉะนั้นถ้าใครล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นอยู่ลองเลิกดูก่อนก็ดีนะครับ
อย่าใช้โทนเนอร์เช็ดหน้า
เดี๋ยวโทนเนอร์เป็นผลิตภัณฑ์ทาผิวหน้าอีกตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่น้อย ผมไม่แน่ใจนักว่าโทนเนอร์นั้นใช้เพื่ออะไรกันแน่ แต่เท่าที่ผมรู้มามันใช้เพื่อช่วยทำความสะอาดหน้าหลังล้างหน้าและใช้เพื่อปิดรูขุมขนหรือกระชับรูขุมขน ซึ่งถ้าเป็นตามนี้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรมากถ้าโทนเนอร์ที่ว่ามันอ่อนโยนและไม่ผสมแอกอฮอร์ แต่ถ้ามันผสมแอลกอฮอร์หรือสารที่ทำให้ผิวหน้าระคายเคืองเข้าไปด้วยเมื่อไร เชื่อได้เลยว่าปัญหาสิวจะตามมาอย่างแน่นอน ดังนั้นถ้าใครใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าอยู่และสิวบนหน้าก็ยังไม่หายสักที อาจลองตรวจสอบโทนเนอร์ที่ใช้อยู่ว่ามีส่วนผสมที่ทำให้ผิวเราระคายเคืองหรือไม่ หรือว่าเวลาเอาโทนเนอร์มาเช็ดหน้าแล้วรู้สึกว่าหน้าแห้งตึงมาเกินไปหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนี้อาจลองหยุดใช้โทนเนอร์ก่อน เพราะมันอาจเป็นผู้ต้องสงสัยที่ทำให้สิวเราไม่หายสักทีก็เป็นได้ แต่ถ้าถามความคิดเห็นในการใช้โทนเนอร์สำหรับคนเป็นสิวนั้น ผมคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้นะครับ แค่การใช้คลีนซิ่งก่อนล้างหน้ากับการล้างหน้าตามปกติก็สามารถทำให้ผิวหน้าสะอาดหมดจดแล้ว แต่ถ้าใครใช้อยู่แล้วไม่รู้สึกว่าทำให้เป็นสิวเพิ่มขึ้นก็ใช้ต่อไปเถอะครับ ไม่ผิดแต่อย่างใด
อย่าลองใช้ครีมหน้าใสเร่งด่วน
เดี๋ยวนี้มีครีมที่ทาแล้วช่วยให้สิวหายอย่างรวดเร็ววางขายใน Internet มากมาย ถ้าได้อ่านสรรพคุณและเห็น review ของคนที่เคยใช้ครีมเหล่านี้มาก่อน ต้องบอกเลยว่าอยากจะซื้อมาลองใช้ซะเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว ซึ่งจริงๆผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าครีมทาสิวเหล่านั้นดีจริงๆหรือเปล่า แต่ถ้าเรามาดูธรรมชาติของผิวของคนเราแล้ว การผลัดเซลผิของคนเราต้องใช้เวลาประมาณ 30-45 วัน ผิวชั้นใหม่ของเราถึงจะเกิดขึ้นมา สิวเองก็เหมือนกันการจะรักษาให้หายนั้นก็จำเป็นต้องใช้เวลานานอย่างน้อยผมว่าก็สัก 3 เดือนขึ้นไปสิวถึงจะหาย นี่ยังไม่รวมการรักษาริ้วรอยจากสิวที่ต้องใช้เวลานานมากๆอีก ดังนั้นถ้าครีมอะไรก็แล้วแต่บอกเราว่าจะช่วยทำให้สิวเราหายภายใน 3-4 สัปดาห์ ใช้แล้วหน้าขาวใสไร้สิวอย่างรวดเร็ว ให้ระวังไว้ก่อนว่าครีมเหล่านั้นอาจเป็นครีมอันตรายที่ผสมสเตีรอยด์ ครีมอันตราย หรือพวกโลหะหนักได้ อย่าได้หลวมตัวไปลองใช้เด็ดขาดเพราะเราจะหน้าใสได้ไม่นาน ที่เหลืออาจจะทำให้เป็นสิวไม่หายไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ อย่าเสี่ยงดีกว่าครับ
อย่าโกนขนที่หน้า
เดี๋ยวนี้สาวๆหลายคนนิยมไปโกนขนที่หน้าเพื่อเวลาแต่งหน้าจะทำให้แต่งง่าย แต่งแล้วสวยหน้าเรียบเนียน แต่สำหรับคนเป็นสิวแล้วการโกนขนที่หน้าอาจไม่เหมาะสมมากนัก เนื่องจากเวลาที่เราโกนขนผิวของเราจะได้รับการบาดเจ็บเกิดขึ้น ซึ่งบางครั้งเราอาจไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งจะทำให้หน้าเราเกิดการระคายเคืองขึ้นมา อีกทั้งถ้าหน้าเราไม่มีขนหรือมันสั้นเกินไปก็จะทำให้เราหน้าแห้งง่ายกว่าเดิม เพราะขนมีหน้าที่ช่วยปกป้องการระเหยของน้ำในผิว อีกทั่งยังช่วยป้องกันสิ่งสกปรกที่เข้ามาเกาะหน้าของเรา เป็นเหมือนปราการด่านแรกเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้เองทำให้คนที่โกนขนบนหน้ามีความเสี่ยงเป็นสิวมากกว่าคนที่ไม่ได้โกนขน ถ้าอยากให้สิวหายอย่าโกนขนที่หน้าจะดีมาก
อย่าบีบสิวแบบผิดๆ
การเอาสิวออกจากหน้านั้นเป็นสิ่งดีและเราก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน แต่เราต้องบีบสิวให้ถูกต้องถึงจะทำให้สิวหายได้ แล้วการบีบสิวที่ไม่ถูกต้องคือยังไง ก็คือการบีบสิวที่ไม่ควรบีบ เช่น สิวไม่มีหัว สิวหัวปิด สิวผด สีวที่ยังไม่สุก และการใช้มือบีบสิวซึ่งมีความเสี่ยงทำให้หน้าบอบช้ำและอาจทำให้เชิ้อโรคที่อยู่ในเล็บของเราเข้าไปทำให้สิวเราติดเชื้อและอักเสบเพิ่มขึ้น ซึ่งการบีบสิวที่ผิดๆนี่เองที่ทำให้สิวไม่หายและอาจทำให้เกิดสิวลุกลามใหญ่โตมากกว่าเดิมได้ ดังนั้นอยากเอาสิวออกจากหน้าให้ใช้ที่กดสิวจะดีที่สุด แต่ถ้าเราไม่มั่นใจในฝีมือการกดสิวของตัวเอง ก็ไปหาหมอให้หมอกดให้จะดีกว่า ไว้รอเก็เลเวลได้เยอะๆก่อนค่อยลองมากดสิวเองที่บ้านก็ยังไม่สายนะผมว่า
นี่คือ 5 ข้อห้ามที่คนเป็นสิวไม่ควรทำกับหน้าของตัวเอง เพราะเป็นสิ่งที่อาจทำให้สิวไม่หายและอาจทำให้สิวลุกลามมากกว่าเดิมได้ การรักษาสิวบนหน้านั้นต้องใช้เวลาสักหน่อย ไม่ใช่จะหายได้ในไม่กีสัปดาห์หรือชั่วข้ามคืน ผมว่าการรักษาสิวก็เหมือนการลงทุนอย่างหนึ่ง ถ้าเรามีเงินแต่ไม่มีความรู้แล้วไปลงทุน รับรองได้ว่าเจ๊งแน่นอน แต่ถ้าเราไม่มีเงิน แต่มีความรู้ อันนี้สำเร็จได้แน่แต่อาจจะช้าหน่อย แต่ถ้าเรามีทั้งเงินและความรู้ ไม่ต้องบอกก็รู้แป๊บเดียวสิวก็หายแล้ว ก็อยู่ที่ผู้อ่านแล้วล่ะครับว่าจะเลือกแบบไหน แต่ยังไงก็อย่าลืมว่า Acnedefend ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษาสิวนะครับ อยากรู้หรือสงสัยเรื่องไหน สามารถมาหาคำตอบได้ที่นี่ตลอด 24 ชั่วโมงครับ กับ Acnedefend บล็อกเพื่อคนเป็นสิวทุกๆคน ^^
อยากปรึกษา ปรึกษาทางใหนค่ะ
ตอบลบเขียนดีมักค่ะ👍
ตอบลบพี่ค่ะรู้ขุมขนกว้างและจุดด่างดำและ รอยแดงรักษายังไงคะ
ตอบลบ