วันนี้ผมจะมาพูดถึงยาในตระกูล A หรือ "กรดวิตามิน A" กันบ้าง หลังจากเคยพูดถึงยาตระกูล BP มาก่อนหน้านี้แล้ว คนเป็นสิวส่วนใหญ่น่าจะรู้จักยาทาหลังล้างหน้ากลุ่มนี้ดี ซึ่งถ้าพูดถึงครีมทาสิวที่ได้รับความนิยมกันมากหากพูดถึงสรรพคุณในการจัดการสิวอุดตัน สิวไม่มีหัว และสิวเสี้ยน ไม่มีตัวไหนจะดังเท่า Retin-A อีกแล้ว จัดเป็นครีมทาสิวที่มีคนใช้และพูดถึงกันมากที่สุด มีการเขียน Review ในการใช้ผลิตภัณฑ์ลดสิวตัวนี้อย่างล้นหลาม เรียกได้ว่าถ้าจะหาข้อมูลเกี่ยวกับ Retin-A แล้วล่ะก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
พอมานึกๆดู ในเมื่อ Retin-A ดังขนาดนี้แต่ Acnedefend ก็ยังไม่เคยเขียนถึงครีมทาสิวตัวนี้แบบจริงๆจังๆสักที ส่วนใหญ่ก็จะเขียนรวมกับบทความแนะนำผลิตภัณฑ์รักษาสิวตัวอื่นๆซะมากกว่า ไม่เคยลงลึกถึงรายละเอียดและสรรพคุณของเจ้า Retin-A ตัวนี้เลย วันนี้ก็เลยตั้งใจว่า จะเอาข้อมูลดีดีของยาทารักษาสิวตัวนี้มาฝากครับ ก่อนอื่นมารู้จักกับชีวประวัติคร่าวๆของยาตระกูล A หรือ Retin-A แล้วเดี๋ยวตอนท้ายบทความจะแนะนำยาในกลุ่มนี้ตัวอื่นๆที่นอกเหนือจาก Retin-A เพิ่มเติม มาดูกันว่าจะมียี่ห้อไหนที่น่าสนใจอีกบ้าง
ยาตระกูล A หรือ ยาในกลุ่มกรดวิตามิน A คือ อะไร?
ยาในกลุ่มกรดวิตามิน A นี้ เป็นยาที่มีตัวยาหลักๆชื่อว่า tretinoin ซึ่งเป็นตัวยาที่ออกฤทธิ์ในการช่วยรักษาสิวบนหน้าของเรา โดยสรรคุณของตัวยาที่ว่าจะช่วยลดการเกิดสิวอุดตัน สิวไม่มีหัว สิวเสี้ยน ช่วยควบคุมความมันบนผิวหน้า ทำให้เวลาทาหน้าจะมันน้อยลง(เรียกว่าแห้งเลยก็ได้) มีฤทธิ์ในการลอกผิวที่รุนแรง ซึ่งเท่ากับว่าสามารถช่วยผลัดเซลผิวหนังชั้นนอกได้ดีด้วยเช่นกัน ด้วยความสามารถในการผลัดเซลผิวทำให้ ยาในกลุ่มกรดวิตามิน A นี้สามารถช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำ แผลสิว ที่เกิดจากการบีบสิว กดสิวได้อีกด้วย
ยาในกลุ่มกรดวิตามิน A เหมาะกับสิวแบบไหน
- สิวอุดตัน ที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนัง
- สิวไม่มีหัว ชอบบวมแดงขึ้นมาเฉยๆ
- สิวเสี้ยน
- สิวที่ไม่อักเสบ
- สิวที่ไม่มีหนอง
วิธีการทายาในกลุ่มกรดวิตามิน A
การทายาในกลุ่มกรดวิตามิน A หรือ Retin-A นั้น ให้ทาตอนเย็นหลังจากล้างหน้าเสร็จแล้วประมาณ 20 นาที รอให้หน้าแห้งสนิทก่อนค่อยทา ไม่งั้นยาอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงกับผิวขึ้น ปริมาณครีมที่ใช้ทาต่อครั้งให้บีบออกมาประมาณเม็ดถั่วเขียว แล้วแต้มลงไปตามจุดสำคัญๆก่อน เช่น แต้มที่หน้าผาก แก้มทั้ง 2 ข้าง และคาง จากนั้นค่อยใช้นิ้วมือเกลี่ยครีมให้ทั่วหน้า โดยการทาครีมที่ดีนั้นไม่ควรให้มีคราบขาวๆหลงเหลืออยู่บนหน้า ครีมควรจะซึมเข้าผิวหน้าให้หมด พยายามทาครีมให้บางที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะการทาเยอะนอกจากจะไม่ช่วยให้ยาออกฤทธิ์มากขึ้นแล้ว ยังทำให้หน้าระคายเคืองง่ายและสิ้นเปลืองยาโดยใช่เหตุ
ทาวันละ 1 ครั้งก่อนเข้านอน อย่าเอามาทาตอนกลางวันเด็ดขาด เพราะ Retin-A นั้นจะทำให้ผิวเราบางและไวต่อแสงมากขึ้น ดังนั้นเมื่อเราใช้ Retin-A รักษาสิว เราควรทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกไปนอกบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้แดดเผาหน้าของเรา เดี๋ยวหน้าเราจะไหม้ดำเอาได้
ต้องทายาในกลุ่มกรดวิตามิน A นี้นานเท่าไร
หากพูดถึงระยะเวลาการทายาแล้วเห็นผลนั้น ในคนแต่ละคนย่อมไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาสิวของแต่ละคน แต่โดยทั่วไปแล้วเราต้องทา Retin-A อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ถึงจะเริ่มเห็นว่าสิวอุดตันเริ่มลดน้อยลง บางคนทาแค่ 1 เดือนสิวก็หายหมด แต่บางคนก็อาจต้องทานานถึง 3-4 เดือน สิวถึงจะหาย โดยเราไม่จำเป็นต้องทา Retin-A ทุกวัน อาจทาวันเว้นวัน หรือ สัปดาห์ละ 3 วันก็ได้ เพราะบางคนทาแล้วหน้าอาจแห้งลอกเกินไปก็ไม่ควรทาทุกวัน เดี๋ยวหน้าจะพังก่อนที่สิวจะหายได้
ผลข้างเคียงจากยาทาในกลุ่มกรดวิตามิน A
- หน้าแดง แห้ง ลอก เป็นขรุย
- อาจมีอาการคันยิบๆบริเวณที่ทายา ซึ่งถ้าไม่คันหรือแสบมากก็ไม่ต้องกังวลอะไร
- อาจมีอาการสิวเห่อขึ้นมาในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกที่ทา ซึ่งเป็นการดันตัวขึ้นมาของสิวที่อุดตันอยู่ใต้ผิว แต่หลังจากทายาอย่างต่อเนื่อง อาการที่ว่าก็จะหายไป
- หน้าบางลง ไวต่อแสงแดดมากขึ้น
- ตัวยามีอาจมีผลต่อเด็กในครรภ์ เพราะฉะนั้นคนท้องไม่ควรใช้ยาตัวนี้
ข้อควรระวัง
- ทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ต้องออกไปนอกบ้านในตอนกลางวัน เพื่อป้องกันแสงแดดมาทำร้ายผิวหน้าที่บางลงของเรา
- ไม่ควรใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ในการผลัดเซลผิวอื่นๆ เช่น AHA , กรด TCA , หรือยาพวก Benzoyl peroxide(BP) เพราะจะทำให้หน้าลอกรุนแรงมากขึ้น
- การใช้ยากลุ่มกรดวิตามิน A นี้ถึงแม้จะไม่จำกัดระยะเวลาในการใช้งาน แต่ทางที่ดีหากใช้ยากลุ่มนี้แล้วสิวหายแล้ว ก็ควรหยุดใช้จะดีที่สุด เพื่อป้องกันผลข้างเคียงอื่นๆที่จะตามมา
นอกจาก Retin-A แล้ว มีตัวอื่นที่น่าสนใจอีกหรือไม่?
นอกจาก Retin-A แล้วยังมียาทาสิวตัวอื่นๆที่อยู่ในกลุ่ม tretinoin เหมือนกัน เพียงแต่เป็นคนละยี่ห้อคนละบริษัทที่ผลิตเท่านั้น ส่วนเรื่องสรรพคุณการรักษาสิว การใช้ยา และผลข้างเคียงนั้นเหมือนๆกันหมด เอามาให้ทำความรู้จักกันไว้ เผื่อเป็นทาลเลือกเวลาเบื่อๆ Retin-A อยากลองเปลี่ยนไปเป็นยี่ห้ออื่นบ้าง
VITARA Acnetin-A Cream
เท่าที่เห็นมีอยู่ 2 ความเข้มข้นให้เลือก คือ VITARA Acnetin-A 0.05% เป็นหลอดสีน้อเงิน และ VITARA Acnetin-A 0.025% หลอดสีเขียว ราคาที่ขนาด 7g ความเข้มข้น 0.05% อยู่ที่ 75 บาท ใครสนใจหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปได้เลยครับ
Stieva-A Cream
มีอยู่ 3 ขนาดความเข้มข้นด้วยกัน คือ Stieva-A Cream 0.1% หลอดสีชมพู , Stieva-A Cream 0.05% หลอดสีฟ้า และ Stieva-A Cream 0.025% หลอดสีน้ำตาลแดง ราคาที่ขนาด 25g ความเข้มข้น 0.025% อยู่ที่ 225 บาท สนใจก็ลองไปหาซื้อมาใช้กันดู
ก็ฝากยาในกลุ่มกรดวิตามิน A ทั้ง Retin-A , Stieva-A และ Acnetin-A เอาไว้ด้วยครับ สำหรับคนที่มีปัญหาสิวอุดตัน สิวไม่มีหัวและสิวเสี้ยน ยาตระกูล A นี้สามารถช่วยแก้ปัญหาสิวที่ว่ามาได้ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนใช้แล้วจะหายกันหมดนะครับ บางคนใช้แล้วสิวไม่หายแถมบางทีใช้แล้วหน้าแพ้ สิวเห่อขึ้นเต็มหน้าเลยก็มี ดังนั้นก่อนจะซื้อมาใช้ต้องคิดให้ดีๆนะครับ ทดสอบอาการแพ้ก่อนการทาทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของผิวหน้าของเรา เพราะถ้าแพ้ขึ้นมาแล้วล่ะก็คงต้องมานั่งน้ำตาตก รักษาสิวกันไปอีกนาน!!!
ถ้าใช้แล้วสิวจะเห่อไหมค่ะตอนเช้าไปซื้อตามร้านขายยาคุณหมอให้acnetin a 0.025มาค่ะกลัวสิวเห่อแล้วไม่หาย
ตอบลบ