การได้หยุดพักผ่อนในช่วงปีใหม่เหมือนเป็นการได้หยุดเพื่อชาร์ตพลังงานให้กับชีวิต ได้หยุดเคร่งเครียดจากการทำงาน พร้อมกับได้ทำกิจกรรมที่บันเทิงเริงใจ คิดแล้วก็อยากให้มีวันหยุดยาวแบบนี้บ่อยๆเหมือนกัน
วันก่อนนั่งอยู่บนรถเมล์ก็มีความคิดเกี่ยวกับการรักษาสิวขึ้นมา ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ใช่เคล็ดลับการรักษาสิวอะไรหรอก แต่ก็เป็นสิ่งที่คนเป็นสิวที่กำลังพยายามรักษาด้วยตัวเองอยู่ควรรู้และเข้าใจเอาไว้ บทความสำหรับวันนี้จึงเกี่ยวกับ "ระยะเวลาของการรักษาสิว ที่คนเป็นสิวควรเข้าใจ" โดยผมมองว่าระยะเวลาหรือช่วงเวลาที่ต้องใช้ในการรักษาสิวบนหน้าของเรานั้น แบ่งออกเป็น 4 ช่วงใหญ่ๆด้วยกันดังต่อไปนี้
ระยะเวลาการรักษาสิว
1. ช่วงลองผิดลองถูก
ช่วงนี้ก็ตามชื่อเลยครับ ลองมันทุกอย่าง อะไรที่คนอื่นว่าดีช่วยให้สิวหายได้ลองมันทุกวิธี โฟมล้างหน้าตัวไหนดี ครีมตัวไหนเด็ด หรือแม้กระทั่งการทำเลเซอร์รักษาสิวก็ลองกันไปทุกรูปแบบเท่าที่จะพอมีกำลังกาย กำลังใจ และกำลังทรัพย์ ผมมองว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของการรักษาสิวของเรา เหมือนกับที่เขาว่าไว้ว่า "เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง" หากเราสามารถลองผิดลองถูกจนหาแนวทางการรักษาสิวของเราเจอ นั่นหมายความว่าโอกาสที่สิวบนหน้าจะหายก็มีมากขึ้นไปด้วยนั่นเอง
แต่ปัญหาจริงๆมันอยู่ที่ว่า แค่เริ่มยังเริ่มไม่ถูกเลย ไม่รู้จะเริ่มยังไง ลองของไปมาจนมั่วไปหมดจับจุดหรือแนวทางของตัวเองไม่ได้สักที ซึ่งผมคิดว่าหลายคนคงประสบปัญหาแบบที่ว่ามานี้ แต่ถ้าให้ผมแนะนำในเรื่องนี้ผมคิดว่า สิ่งสำคัญที่เราควรมีก็คือ เราต้องมีแผนที่นำทางของเราซะก่อน ลองคิดวิเคราะห์ดูว่าเราจะรักษาสิวของเราด้วยวิธีไหน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราคิดว่าเราจะรักษาสิวด้วยการหาครีมมาทาเอง เราก็ต้องรู้ว่าครีมหรือยาที่จะเอามาใช้ทาหน้ามีกี่แบบ แต่ละแบบเหมาะกับสิวแบบไหน แล้วต้องทาครีมกี่ตัวดี ตัวไหนบ้าง? พอเมื่อได้ข้อสรุปในเรื่องนี้แล้ว ก็ลงมือทำตามแผนที่เราวางไว้ และคอยสังเกตและจดบันทึกอาการสิวบนหน้าของเราเป็นระยะๆ เพื่อจะได้รู้ว่าครีมหรือยาทาสิวที่เราใช้ สามารถช่วยให้สิวเราลดลงหรือไม่ หรือยิ่งทาสิวก็ยิ่งขึ้น ถ้าเป็นอย่างหลังเราก็ต้องหาให้เจอว่าเป็นครีมตัวไหน จากนั้นก็เลิกใช้และหาครีมทาสิวตัวอื่นมาแทน ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆจนเจอหลักสูตรการรักษาสิวของตัวเอง ลองไปเลยครับ Benzac , Panoxyl , Retin-A , Differin , Clinda-M , Clindalin gel , แป้งน้ำศิริราช , Sacagel , AHA , BHA , PHA , Acne-aid , Cetaphil , Physio cleanser , Sebamed ชอบตัวไหน ใช้ตัวนั้น แต่ที่สำคัญอย่าลืมว่าใช้อย่างมีสติและมีความรู้ด้วยนะครับ
2. ช่วงระยะทำใจ
หลังจากที่เราได้ลิงผิดลองถูกกันมาพอสมควรแล้ว ต่อมาเราจะเข้าสู่ระยะการรักษาสิวที่เรียกว่า "ระยะทำใจ" ที่ต้องใช้ชื่อนี้ก็เพราะว่า ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ผลต่อสภาวะจิตใจของเรามาก เพราะการทาครีมหรือยารักษาสิวของเราจะยังไม่เห็นผลอะไรเลย หรือเห็นผลแต่ก็น้อยมาก จนบางครั้งอาจจะเกิดความไม่แน่ใจขึ้นมาในใจของเราว่า ตกลงเรามาถูกทางหรือยัง? อย่างยาทารักษาสิวบางตัว เช่น ยาทาในกลุ่มกรดวิตามิน A หรือยาในกลุ่ม Benzoyl peroxide ที่เวลาทายาในช่วงแรกๆอาจมีสิวดันตัวขึ้นมาที่ผิวหน้า หรือที่เรียกว่าสิวเห่อขึ้นมาได้ แต่พอทายาเหล่านี้ไปได้สักพัก อาการสิวเห่อที่ว่าก็จะค่อยๆหายไป พร้อมๆกับพาสิวที่อุดตันอยู่หายไปด้วยพร้อมๆกัน ก็มีให้เห็นอยู่ร่ำไป แต่บางรายก็อาจสิวเห่อเพราะแพ้ยาได้ ขึ้นอยู่กับสภาพความแข็งแรงของผิวแต่ละคนด้วยว่าเป็นอย่างไร
ช่วงระยะทำใจนี้สิวของเราจะหายไปอย่างช้าๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ดังนั้นเราต้องมีความอดทน และมั่นใจว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ถูก วิธีรักษาสิวที่เราใช้มันถูกต้องแล้ว เราเดินมาถูกทางแล้ว มั่นใจในความคิดและการกระทำของเรา ทัศนคติที่ดีเหล่านี้จะช่วยนำพาให้เราไปสู่ความสำเร็จในการรักษาสิวให้หายได้ในไม่ช้า เชื่อมั่นตัวเองเข้าไว้!!!
3. ช่วงระยะประคองตัว
เมื่อเราผ่านช่วงระยะทำใจได้แล้ว ผิวหน้าของเราจะเริ่มดีขึ้น สิวที่เคยขึ้นเป็นประจำก็จะขึ้นน้อยลง จากขึ้นทุกวันก็อาจกลายเป็น 4-5 วันขึ้นทีหนึ่ง หรือขึ้นตามสิ่งเร้าที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรียกช่วงการรักษาสิวนี้แบบง่ายๆว่า "ช่วงทรงตัว" คือช่วงที่เราไม่จำเป็นต้องหาวิธีรักษาสิวใหม่ๆมาทดลองอีกแล้ว เพียงแค่ใช้วิธีที่เราได้กำหนดไว้ก็สามารถช่วยยับยั้งและควบคุมการเกิดสิวได้เป็นอย่างดี ระยะนี้เป็นระยะที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด อาจจะหลงเหลือรอยสิวที่เกิดจากสมรภูมิการสู้รบกับสิวมาอย่างยางนานอยู่บ้าง แต่ก็ไม่น่ากังวลอะไร ระยะประคองตัวนี้เราก็จะเน้นไปในเรื่องรักษารอยแผลสิว จุดด่างดำจากสิวให้หาย เตรียมพร้อมต้อนรับสภาวะหน้าใสไร้สิวที่จะเกิดขึ้น แต่เราก็ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งด้วยว่า ระยะนี้จะกินเวลายาวนานอยู่สักหน่อย เพราะการรักษาพวกแผลเป็นจากสิว หลุมสิวนั้นต้องใช้เวลานานกว่าการรักษาสิวให้หายอย่างมาก อาจกินเวลาเป็นปี หรือ 10 ปีก็ได้ ต้องอดทนและปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาที่จะคอยเยียวยารักษา
4. ช่วงปลดปล่อยสู่อิสระภาพ
หากเราสามารถเดินทางมาถึงช่วงปลดปล่อยสู่อิสระภาพได้ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ เพราะเราได้หลุดพ้นจากวัฏจักรของการเป็นสิวได้สักที ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราจะหน้าใส ปราศจากสิวบนหน้า ถึงสิวจะขึ้นบ้างแต่ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่น่าเป็นห่วงอะไร เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่เราสำเร็จวรยุทธขั้นสูงสุด พร้อมที่จะออกไปสู่ยุทธจักรอย่างสง่าผ่าเผยได้แล้ว โอ้!!! มันช่างเป็นช่วงชีวิตที่วิเศษของคนเป็นสิวเสียนี่กะไร
ช่วงปลดปล่อยสู่อิสระภาพเราจะสามารถงดใช้ครีมหรือยารักษาสิวที่เคยใช้มาเป็นระยะเวลานานลงได้ คือไม่ต้องทาสิวก็ไม่ขึ้นแล้ว สภาพผิวหน้าของเราจะแข็งแรง และมีสุขภาพดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยช่วงนี้เราสามารถก้าวเดินไปอีกขั้นของการดูแลรักษาผิวหน้า นั่นก็คือการทำให้หนาวขาวเนียน มีสุขภาพดี หน้าอมชมพูอะไรประมาณนั้น ซึ่งขั้นตอนในการทำนั้นอาจไม่สามารถทำในตอนที่เรายังเป็นสิวได้ เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่คนเป็นสิวทุกคนอยากไปถึงที่สุด
นี่ก็เป็นระยะเวลาหรือช่วงเวลาในการรักษาสิวให้หาย ซึ่งถ้าให้ระบุเป็นตัวเลขที่แน่นอนก็คงจะทำไม่ได้ เพราะของอย่างนี้ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย บางคนรักษาสิวไม่กี่เดือนสิวก็หายแล้ว บางคนรักษาเป็นปีๆกว่าจะหาย บางคนเป็นสิวมาเป็น 10-20 ปี ตอนนี้ก็ยังไม่หายเลย อย่างผมเองรักษาสิวมาเป็น 10 ปีกว่าจะประสบความสำเร็จ ซึ่งการรักษาสิวของผมตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงที่ 3 คือในระยะประคองตัวอยู่ แต่ผมก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่าอีก 1-2 ปีข้างหน้าผมจะไปให้ถึงระยะที่ 4 ให้ได้ แล้วผู้อ่านล่ะครับตอนนี้อยู่ในระยะไหนกันบ้าง ยังไงซะผมคิดว่าเราก็น่าจะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันก็คือการไปให้ถึงวันปลดปล่อยอิสรภาพ ซึ่งผมคิดว่าวันนั้นต้องมาถึงอย่างแน่นอน Acnedefend ขอเป็นกำลังให้คนเป็นสิวทุกๆคนครับ สู้กันต่อไป ^^
ตอนนี้ท้อแท้มากคะ ไม่อยากมองหน้าตัวเองในกระจกเลย มองแล้วจะร้องไห้ทุกที หาหมอมาสารพัดก้เหมือนจะดีแต่ก้สุดท้ายก้ยังขึ้น ท้อแท้มากจิงๆ ไม่อยากพบใครใครเหนใครก้ทัก :'(
ตอบลบผมด้วยเป็นหนักมากเลยคับ
ตอบลบเราเหลือแต่รอยแดงที่หมอบอกเป็นเส้นเลือด ไม่ค่อยมั่นใจเลย แต่จะพยายามอดทน
ตอบลบเราเปนตั้งแต่สาวจนกลางคนละเนี่ย ท้อแท้มาก ตอนนี้ใช้ครีมตามคำแนะนำมาเกือบสองเดือนแล้วเขาว่ามันจะขึ้นมา แล้วจะค่อยๆ ลดลง ขึ้นที่เดิมเปนๆหายๆ จะพยามทำต่อไป คิดว่าสามเดือนคงดีขึ้นบ้างนะ เอาใจตัวเอง
ตอบลบ