ทำงานในห้องแอร์ย่อมสบายกว่าทำงานกลางแจ้งหรือในที่อากาศร้อนๆ อย่างน้อยๆความเย็นของแอร์คงช่วยลดความเครียดของสาวๆหรือหนุ่มออฟฟิสได้บ้าง แต่รู้หรือไม่ว่าถึงแม้จะได้นั่งทำงานในห้องแอร์เย็นๆ ผิวหน้าของเราก็อาจมีปัญหาได้เหมือนกัน โดยเฉพาะปัญหาผิวแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น เป็นปัญหาใหญ่ที่สาวออฟฟิสไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว เพราะมันเป็นต้นเหตุของริ้วรอยและปัญหาผิวแก่ก่อนวัยได้
ใครบ้างมีความเสี่ยงผิวแย่ในห้องแอร์
- คนที่อยู่ในห้องแอร์เฉลี่ยมากกว่า 8 ชั่วโมง/วัน
- คนที่ดื่มน้ำน้อย
- คนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
- คนที่ไม่ค่อยได้ทาครีมบำรุงผิว
วิธีป้องกันไม่ให้ผิวแย่ในห้องแอร์
ใช้โฟมล้างหน้าที่ปราศจากแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์ทำให้ผิวหน้าเราแห้งขาดความชุ่มชื้นง่าย ไม่เว้นแม้แต่โฟมล้างหน้าที่ใช้ก็ควรเลือกยี่ห้อที่ไม่มีส่วนผสมของแอกอฮอล์ และจะให้ได้ดีควรเลือกตัวที่มีสารลดแรงตึงผิวน้อยหน่อย เวลาล้างหน้าจะได้ไม่แห้งตึงมากนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วย ใครที่ยังนึกไม่ออกว่าจะใช้โฟมล้างหน้าตัวไหนดี ตามไปอ่านได้ที่บทความนี้ครับ
มอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวขาดไม่ได้
เมื่ออยู่ในที่ที่มีความชื้นต่ำ ความชุ่มชื้นในผิวของเราก็จะถูกดูดออกไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่คนที่ต้องอยู่ในห้องแอร์นานๆจะรู้สึกว่าผิวแห้งกร้าน มอยเจอไรเซอร์เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวหน้าได้เป็นอย่างดี นอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำในผิวระเหยออกไปมากแล้ว มอยเจอร์ไรเซอร์บางตัวยังสามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เองทำให้หลังล้างหน้าเราควรหามอยเจอร์ไรเซอร์ดีๆมาบำรุงผิวสักตัวสองตัว ผิวเต่งตึมีสุขภาพดีงจะได้อยู่กับเราไปนานๆยังไงล่ะครับ
- รวม 5 มอยเจอร์ไรเซอร์สูตรอ่อนโยนสำหรับคนเป็นสิวและผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง ลอก แค่ไหนก็เอาอยู่
- 3 ครีมมอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวแพ้ครีมหรือติดสเตียรอยด์ ที่อยากแนะนำเมื่อมีคนถามถึง
อย่าเติมแป้งบ่อยเกินไป
แต่งหน้านานๆหน้าก็คงมันแป้งที่ทาไว้ก็คงหลุดแล้ว ว่าแล้วก็หยิบแป้งพัฟในกระเป๋ามาเติมสักหน่อย วิธีนี้ใช่เรื่องผิด แต่การเติมแป้งพัฟบ่อยๆในระหว่างวันย่อมไม่ใช่เรื่องดี นอกจากจะทำให้ผิวหน้าแห้งไปกันใหญ่แล้ว ยังทำให้ผิวหน้าอุดตันง่ายและเป็นที่มาของการเกิดสิวอุดตันนั่นเอง วิธีแก้ปัญหาคือให้ใช้ประดาษซับมันซับหน้าเบาๆ และเติมหน้าด้วยแป้งฝุ่น ปัดบางๆเบาๆให้พอหายมัน จะช่วยป้องกันปัญหาการระคายเคืองของหน้าได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญอย่าเติมบ่อยเติมวันละ 1-2 ครั้งก็พอ
อย่าแต่งหน้านานเกินไป
ยิ่งเราแต่งหน้านานเท่าไร โอกาสการเกิดสิวอุดตันก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น หลังเลิกงานถ้าเป็นไปได้ควรรีบล้างหน้าหรือล้างเครื่องสำอางออกก่อน ถ้าแต่งหน้าก็ควรหา Cleansing หรือ Remover เช็ดเครื่องสำอางออกก่อน จากนั้นตามด้วย Benzac 5% ทาก่อนล้างหน้า ทาทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออกด้วยโฟมล้างหน้าให้สะอาด จากนั้นใครจะทายารักษาสิวหลังล้างหน้าตัวอื่นก็ว่ากันไป หรือจะตามด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ตัวโปรดก็ได้ไม่ว่ากัน สิ่งสำคัญก็คือล้างเครื่องสำอางออกให้เร็วที่สุดเป็นพอ
ดื่มน้ำเยอะๆและควรดื่มน้ำอุ่นมากกว่าน้ำเย็น
ถ้าไม่อยากผิวแห้งเราควรเติมน้ำเข้าสู่ร่างกายเยอะๆ การดื่มน้ำสามารถช่วยเราได้ซึ่งจริงๆแล้วความต้องการน้ำของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำและน้ำหนักตัว แต่ยังไงก็ตามมีสูตรการคำนวณปริมาณน้ำที่ควรดื่มที่น่าสนใจอยู่ โดยให้เอาน้ำหนักตัวคูณกับ 30 จะได้ปริมาณน้ำที่ควรดื่มในแต่ละวันแต่ละคนออกมา เช่น น้ำหนักตัว 50 kg (50 X 30 = 1,500) เท่ากับว่าเราควรดื่มน้ำวันละประมาณ 1,500 มิลลิลิตรหรือ 1.5 ลิตรนั่นเอง
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือการดื่มน้ำที่ดีนั้นควรดื่มน้ำอุ่นมากกว่าน้ำเย็น เพราะในร่างกายเราจะมีอุณหภูมิประมาณ 36-37 องศาเซลเซียส ถ้าเราดื่มน้ำเย็นเข้าไปจะทำให้ร่างกายเสียสมดุล และเสียพลังงานในการจัดการกับน้ำเย็นโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นถ้าอยากให้สุขภาพผิวและสุขภาพร่างกายดี อย่าลืมดื่มน้ำอุ่นแทนน้ำเย็นนะครับ
ทุกคนย่อมมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป สาวออฟฟิสก็มีปัญหาเรื่องหนึ่ง สาว Outdoor ก็มีปัญหาอีกแบบหนึ่ง ปัญหาสิวและผิวหน้าไม่เข้าใครออกใครจริงๆ อยู่ในห้องแอร์ใช่จะดีเสมอไป ยิ่งอยู่นานยิ่งไม่เป็นผลดีต่อผิว หวังว่าบทความวิธีดูแลผิวหน้าสำหรับสาวออฟฟิสนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านทุกคนนะครับ ^^
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น