ปัญหาหน้ามันเป็นเรื่องที่อยู่คู่กับคนเป็นสิวอยู่แล้ว คนที่หน้ามันมากจะมีแนวโน้มเป็นสิวง่ายกว่าคนหน้าแห้ง แต่คำถามก็คือ "แล้วคนหน้ามัน ต้องเป็นสิวทุกคนหรือเปล่า" คำตอบคือ "ไม่จำเป็น" เพราะถ้าจำเป็นทุกคนที่หน้ามันต้องเป็นสิว และคนผิวแห้งก็ไม่มีสิทธิ์เป็นสิว ดังนั้นถ้าเราเข้าใจกลไกของการเกิดสิว เราจะรู้ว่าตกลงแล้วความมันที่เกิดขึ้นนั้น มันทำให้หน้าเราเป็นสิวจริงหรือเปล่า?
หน้ามันทำให้สิวขึ้นจริงหรือ?
ขอตอบแบบตรงไปตรงมาเลยว่า "หน้ามัน ทำให้สิวขึ้นจริง" แต่เป็นแค่ปัจจัยหนึ่งเท่านั้นและจำเป็นต้องมีองค์ประกอบอื่นๆร่วมด้วย คือประมาณว่าต้องจับองค์ประกอบเหล่านี้มาผสมรวมกันจึงจะเกิดเป็นสิวขึ้นมาได้ (เป็นสิวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ 555) มาดูองค์ประกอบที่ทำให้สิวขึ้นสักหน่อยว่ามีอะไรกันบ้าง
- รูขุมขนกว้างเกินไป คนที่มีรูขุมขนกว้างจะหน้ามันมากกว่าคนที่มีรูขุมขนแคบ ทำให้มีทางออกของน้ำมันหรือ sebum กว้างตามไปด้วย ผลที่ตามมาก็คือมันทำให้เกิดการอุดตันง่าย แค่มีองค์ประกอบอื่นมาร่วมอีกเล็กน้อยก็ทำให้เป็นสิวแล้ว อะไรจะง่ายขนาดนั้นทำให้นึกถึงสโลแกนของแอร์เอเชียที่บอกว่า "ใครๆก็บินได้" แต่สำหรับคนที่มีรูขุมขนกว้างจะเปลี่ยนเป็น "ใครๆก็เป็นสิวได้" แทน
- แบคทีเรียต้นเหตุสิวอักเสบ สิวอักเสบจะไม่เกิดขึ้นถ้าไม่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบางคนเป็นสิวผดแต่ไม่เป็นสิวอักเสบ หรือบางคนเป็นสิวอุดตันเยอะแต่เป็นสิวอักเสบเพียงเล็กน้อย นี่คือหัวใจของการรักษาสิวอักเสบเลยนะครับ ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้และพยายามลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียลงจะช่วยให้การรักษาสิวอักเสบได้ผลดียิ่งขึ้น
- ชั้นผิวหนาตัวผิดปกติ ถ้าผิวชั้นบนหรือผิวชั้นหนังกำพร้าของเราหนามากกว่าปกติ หรือมากกว่าจนเกินงามแล้วไม่ทำอะไรกับมัน และถ้าได้มาเจอกับน้ำมันบนหน้าอีกแล้วล่ะก็ ปัญหาสิวอุดตันก็จะตามมาในไม่ช้าตามสูตรนี้ ผิวหน้าตัว + sebum = สิวอุดตัน , สิวอุดตัน + แบคทีเรีย(P. Acne) = สิวอักเสบ
- ฮอร์โมน ความเครียด อาหาร หรือสิ่งเร้าอื่นๆที่เกิดจากภารกิจในแต่ละวัน
นี่คือองค์ประกอบที่ทำให้เกิดสิวบนหน้าเราซึ่งอาจมีปัจจัยที่ไม่ได้พูดถึงอยู่อีกมาก ที่ยกมาเป็นเพียงองค์ประกอบหรือปัจจัยการเกิดสิวหลักๆเท่านั้น
เอาล่ะครับ!!! เมื่อเรารู้ต้นเหตุการเกิดสิวแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องหาวิธีมาจัดการมันแล้วล่ะโดยบทความนี้ขอพูดถึงแต่เรื่องการลดความมันบนผิวหน้าเท่านั้น เรื่องอื่นยกยอดไปบทความหน้าแล้วกันไม่งั้นเดี๋ยวมันจะยาวไป ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันต่อได้เลย
5 เคล็ดลับลดหน้ามันแบบง่ายๆ
1. โฟมล้างหน้าเลือกถูกชีวิตเปลี่ยน
ขอแรกขอเริ่มจากโฟมล้างหน้าก่อนแล้วกัน การเลือกโฟมล้างหน้าเป็นสิ่งสำคัญถ้าเราต้องการให้หน้ามันน้อยลงเราจำเป็นต้องพยายามหาโฟมล้างหน้าที่เหมาะกับตัวเองให้เจอ ผิวมันควรเลือกโฟมล้างหน้าที่ขจัดความมันได้ดีหน่อย ส่วนผิวแห้งควรเลือกใช้โฟมล้างหน้าที่ขจัดความมันได้เล็กน้อย เน้นตัวที่มีสารช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวมากหน่อย แต่อย่าเข้าใจผิดว่าโฟมล้างหน้าช่วยให้หน้าเราน้อยลงได้อย่างถาวรนะมันช่วยไม่ได้หรอก เรื่องหน้ามันจริงๆแล้วเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์ เพียงแต่การใช้โฟมล้างหน้าที่เหมาะกับผิวมันช่วยให้ผิวเราเกิดความสมดุล ไม่แห้งไป ไม่มันไป มีส่วนช่วยลดการเกิดสิวบนหน้าได้ เป็นเรื่องสำคัญที่คนเป็นสิวไม่ควรมองข้ามเลยล่ะครับ
ถ้าถามผมว่าโฟมล้างหน้าตัวไหนเหมาะกับคนผิวมันและเป็นสิว ผมก็คงแนะนำตัวที่ผมเคยใช้แล้วรู้สึกว่ามัน work มันตอบโจทย์กับปัญหาสิวบนหน้าของผม มี 3 ตัว คือ 1. Acne-aid ขวดสีแดง 2. Cetaphil Oily Skin Cleanser 3. Clean and clear foaming facial wash ใครสนใจรายละเอียดที่ลึกกว่านี้ ลองอ่านดูได้ที่บทความนี้ครับ แนะนำ 3 โฟมล้างหน้าสำหรับคนผิวมัน คุมมัน คุมสิว มาจากความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ
2. เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับผิว
ส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามอยเจอร์ไรเซอร์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนเป็นสิวนะ โดยเฉพาะกับคนที่ต้องทายารักษาสิว จริงอยู่ที่บางครั้งมอยเจอร์ไรเซอร์อาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ แต่เราสามารถป้องกันด้วยการเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและก่อให้เกิดการอุดตันผิวน้อยที่สุด เราก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ คำถามคือแล้วมอยเจอร์ไรเซอร์ตัวไหนเหมาะกับคนเป็นสิวที่สุด ถ้าตอบกันแบบตรงๆคือ ต้องลองใช้เองถึงจะรู้ เพราะผิวคนเราไม่เหมือนกัน เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราไม่ถูกกับสารตัวไหนหรือไม่ถูกกับครีมตัวไหนจนกว่าเราจะได้ลองใช้
แต่ถ้าถามผมว่าชอบมอยเจอร์ไรเซอร์ตัวไหนอันนี้ตอบได้ไม่ยาก สำหรับคนผิวมันและขาดความชุ่มชื้นอย่างผม ผมเลือกเลือก 2 ตัวนี้ คือ 1. เจลว่านหางจระเข้ 2. Hada labo ขวดสีฟ้า สำหรับตัวแรกเจลว่านหางจระเข้ เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ผมมักแนะนำให้คนเป็นสิวใช้ เหตุผลเพราะมันทาแล้วไม่ค่อยอุดตัน เนื้อเบาบาง ซึมเร็วเพราะเป็นเนื้อเจล ส่วนตัวที่ 2. Hada labo เหตุผลใกล้เคียงกันคือเนื้อบางเบา เป็นมอยเจอร์ on water base ซึมเร็ว ให้สารเพิ่มความชุ่มชื้นมาเยอะจึงเหมาะกับคนผิวมันแต่ขาดความชุ่มชื้น ส่วนที่เลือกตัวสีฟ้าเพราะแอบหวังผลเรื่องหน้าขาวนิดๆจาก Arbutin ที่ผสมอยู่ ถึงมันจะใส่มาให้น้อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่ใส่นะผมว่า ใครสนใจมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ผมแนะนำก็ลองไปซื้อมาใช้ดู แต่ต้องระวังนิดหนึ่ง ผมกลัวว่าถ้าติดใจอาจไม่ยอมเปลี่ยนไปใช้ตัวอื่นเหมือนผมเท่านั้นเอง 555
3. กระดาษซับมันตัวช่วยที่ work มากๆ
การล้างหน้าบ่อยไม่เป็นผลดีต่อผิวหน้า ยิ่งล้างบ่อยหน้าจะยิ่งมันมากและเร็วขึ้น ซึ่งระหว่างวันเราต้องพบเจอกับปัญหาหน้าหน้ามันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นกระดาษซับมันจึงเป็นเหมือนฮีโร่สำหรับการคลี่คลายปัญหานี้ ดังนั้นถ้าใครหน้ามันในระหว่างวันให้ใช้กระดาษซับมันซับความมันบนหน้าออกอย่าเบามือ สามารถช่วยลดความมันได้ดี อาจไม่จำเป็นต้องซับจนหน้าแห้งผาก หรือซับมากจนเกินเหตุ ซับให้หน้าไม่มันวาวก็พอ แต่ถ้าบางคนบอกแพ้กระดาษซับมันควรใช้อะไรแทนดี สามารถใช้กระดาษเช็ดหน้านุ่มซับๆความมันออกแทนได้ อย่างผมเองเวลาหน้ามันจัดก็ใช้กระดาษเช็ดหน้าเช็ดเหมือนกัน แต่ใช้แค่วันละ 1 แผ่นเท่านั้น เพราะถ้าซับบ่อยๆหน้าจะเกิดการระคายเคืองซึ่งอาจทำให้สิวขึ้นหรืออักเสบมากกว่าเดิมได้ แต่ถ้ามันจำเป็นต้องทาแป้งเพิ่มจริงๆก็พกแป้งฝุ่นติดตัวเอาไว้ ซับหน้าเสร็จสามารถทาแป้งฝุ่นทับลงไปได้ โดยใช้แปรงปัดแบบบางๆ ดีกว่าการเติมแป้งพัฟนะผมว่า
4. ยาทารักษาสิวช่วยลดหน้ามัน
ยาทารักษาสิวนอกจากจะช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียเพื่อช่วยลดการเกิดสิวได้แล้ว ยาบางตัวยังสามารถช่วยลดความมันบนผิวหน้าได้อีกด้วย เช่น Retin-A , Differin , Isotrexin ยาเหล่านี้มีผลต่อต่อมไขมันบนหน้า ทำให้น้ำมันหรือ sebum ออกมาน้อยลง ผลก็คือเมื่อใช้หน้าจะมันน้อยลงจนบางทีแห้งแตกเลยก็มี ใครเคยใช้จะรู้ว่ามันช่วยได้จริงๆ แต่ต้องทามอยเจอร์ไรเซอร์และครีมกันแดดควบคู่ไปด้วยไม่งั้นหน้าอาจหมองคล้ำได้
5. ลดหน้ามันอย่างเร่งด่วนด้วยเทคโนโลยี
อีกวิธีช่วยลดหน้ามันได้ดีคือการใช้เทคโนโลยีหรือการทำทรีทเม้นท์เข้าช่วย ซึ่งเราต้องไปทำตามโรงพยาบาลหรือตามคลินิกเท่านั้น เช่น การทำ IPL , การทำ AHA , การกรอผิวด้วยอัญมณี (Microdermabration) , การทาไอออนโตโฟเรสิส(iontophoresis) หรือการทำเลเซอร์ เช่น Fraxel ,E Matrix ,Fractional CO2 , Fine scan วิธีเหล่านี้สามารถช่วยลดหน้ามันได้จริง แต่ช่วยได้ชั่วคราวเท่านั้น ทำแล้วผ่านไปสักระยะหน้าเราก็จะมันเหมือนเดิม ซึ่งเรื่องนี้ผมคิดว่าถึงมันจะช่วยลดความมันได้แค่ชั่วคราว แต่ถ้าทำควบคู่ไปกับการรักษาสิวจะช่วยให้การรักษาสิวมีประสิทธิภาพหรือได้ผลมากขึ้น คล้ายๆกับที่เวลาเราทายารักษาสิวแล้วช่วยให้หน้ามันน้อยลงประมาณนั้น
ข้อดีการทำเลเซอร์เหล่านี้คือ มันช่วยลดการทายาลง ทำให้เราไม่จำเป็นต้องทายาตัวแรงๆมากเกินไป แต่ข้อเสียคือมันมีค่าใช้จ่ายสูงอย่างการทำ AHA คงไม่เท่าไร แต่ถ้าลองได้ทำเลเซอร์แล้วล่ะก็ต้องจ่ายกันเป็นหลักหมื่นหรือหลายหมื่นบาทเลยทีเดียว
ก็จบกันไปกับวิธีลดหน้ามันตามแบบฉบับของ Acnedefend หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่มีปัญหาหน้ามันและเป็นสิวได้บ้างนะครับ ใครสนใจวิธีลดหน้ามันนอกเหนือจากที่เขียนในบทความนี้อ่านต่อได้ที่บทความนี้ 7 วิธีช่วยลดความมันบนใบหน้า ลดหน้ามัน ลดการเกิดสิว ส่วนใครอ่านได้จนจบนี่แสดงว่าติดตามกันมานาน ขนาดผมเขียนเองยังรู้สึกว่ายาวเหลือเกิน 555 ที่หัวเราะนี่ไม่ใช่อะไรนะครับ แค่ดีใจที่มีคนอ่านบทความเท่านั้นเอง อยากทำตัวให้มีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ชาติหน้าฉันใดขออย่ากลับมาเป็นสิวอีกเลย สาธุ!!!
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น