มาตามคำสัญญาที่ประกาศเอาไว้ใน Facebook กับ Case study การรักษาสิวของน้องสาวแท้ๆของผม ที่เป็นอย่างนี้เพราะเรามีแม่คนเดียวกัน เป็นการพิสูจน์เรื่องที่ว่าสิวเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์นั้นมันจริงอย่างไม่ต้องสงสัย บทความ Case study รักษาสิวบทความนี้ยาวแน่นอนครับ เนื่องจากผมจะเล่าถึงความเป็นมาตั้งแต่แรกของน้องผม ช่วงที่เป็นสิว ช่วงที่สิวเห่อ การหาหมอรักษาสิว จนกระทั่งสูตรเด็ดที่ใช้จนสิวหาย หน้าใส มาจนถึงทุกวันนี้
ก่อนที่จะอ่านต่อไป ขอบอกไว้ก่อนล่วงหน้าว่า สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้ อาจไม่ใช่แนวการรักษาสิวที่ดีมากนัก มันเป็นการรักษาสิวที่เป็นเหมือนเหตุบังเอิญ และเหมือนเป็นความโชคดีที่ได้มาแบบไม่ได้ตั้งใจซะมากกว่า แต่ที่อยากเอามาแชร์ให้อ่านกันเพราะว่ามันเป็นเคสการรักษาสิวที่ไม่น่าเชื่อว่ามันมีอยู่จริง และที่สำคัญทำไมผมเพิ่งมารู้เมื่อวานนี้ เอาเถอะครับรู้ช้าก็ยังดีกว่าไม่รู้เลย เกริ่นมาซะยืดยาวเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ
สภาพหน้าตอนที่สิวบุกอย่างเหิมเกริม
ก่อนอื่นมาเข้าใจถึงสภาพใบหน้าของน้องสาวผมตอนที่เป็นสิวกันก่อนครับ คือหน้าของน้องสาวผมตอนนั้นเรียกได้ว่าโดนสิวเล่นงานอย่างรุนแรง สิวเห่อขึ้นเต็มหน้าทั้งที่ไม่ได้แพ้ยาหรือเครื่องสำอางค์อะไรเลย ในตอนนั้นน่าจะเป็นสิวฮอร์โมน เพราะตอนนั้นอายุประมาณ 15-16 ปี คือสภาพสิวบนหน้านั้นจะเป็นสิวผดกับสิวอุดตันซะมาก ขึ้นที่หน้าผาก และแก้มเป็นส่วนใหญ่ หน้าทั้งแดงและมันมากๆ คือไปโรงเรียนทีก็จะมีแต่คนถามว่าหน้าเป็นอะไร ทำไมสิวขึ้นเยอะจัง คือเรียกได้ว่าเบื่อที่จะตอบ ใครที่เคยเป็นเหมือนกันก็คงจะเข้าใจอารมณ์ โดยน้องสาวผมให้คำนิยามหน้าของตัวเองว่า "หน้าเละ" กันเลยทีเดียว
การรักษาสิวครั้งแรก
เมื่อสิวขึ้นเยอะขนาดนี้ ทางออกที่พอจะคิดได้ก็คือ "การไปหมาหมอรักษาสิว" โดยได้รับการสนับสนุนทากการเงินจากแม่ของผม ซึ่งสงสารลูกสาวมากๆ มีลูกสาวอยู่คนเดียวหน้าก็ดันเป็นสิวซะงั้น ก็เลยพาลูกสาวไปหาหมอที่คลินิกแห่งหนึ่ง ไม่ขอเปิดเผยชื่อก็แล้วกัน โดยการรักษาสิวที่ได้รับจากคลินิกแห่งนี้ก็คือ
1. กดสิว
2. ได้สบู่เหลวล้างหน้ามา 1 ขวด
3. ยาทาสิวหลังล้างหน้าอีก 1 ตลับ
น้องผมบอกว่าไปทีไรก็จะโดนกดสิวจนหน้าบวมกลับมาทุกที ส่วนสบู่ล้างหน้ากับยาทาสิวก็ใช้ตามที่หมอบอกอย่างเคร่งครัด รักษาอยู่เกือบปี โดยหมอจะนัดไปทุกๆสัปดาห์ เพื่อทำตามขั้นตอนการรักษาที่บอก แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าสิวจะหายหรือลดน้อยลงเลย โดยค่ารักษาต่อครั้งนั้นจะตกอยู่ที่ 300-500 บาท
เมื่อการหาหมอรักษาสิวไม่สามารถช่วยให้หน้าน้องสาวของผมหายจากการเป็นสิวได้ ก็เลยต้องหาวิธีการรักษาแบบอื่นต่อไป และแล้วสววรค์ก็ได้ส่งวิธีรักษาสิวมาให้กับน้องสาวของผม โดยเป็นเคล็ดลับที่ได้มาจากน้องสาวของแม่ผมที่ผมเรียกว่าอาอี๊ โดยอาอี๊ของผมไปได้สูตรทำครีมทาสิวมาสูตรหนึ่ง ซึ่งผมขอเรียกสูตรครีมนี้ว่า "ครีมรักษาสิว Handmade"
สูตรครีมรักษาสิว Handmade คืออะไร?
สูตรครีมรักษาสิว Handmade นี้ เป็นสูตรที่ไม่รู้ที่มาที่ไปแน่ชัด ไม่รู้อาอี๊ผมไปได้มาจากไหน แต่ที่แน่ๆมันได้ถูกเผยแพร่มาที่บ้านของผมแล้ว โดยสูตรนี้ที่บอกว่าเป็น Handmade เพราะมันเกิดจากการเอาครีม 3 ตัวมาผสมกัน โดยจะเอาครีมมาคนให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วเก็บไว้ในกระปุกที่เตรียมไว้ ส่วนเป็นครีมอะไรนั้นผมจำไม่ได้แล้ว แต่ที่จำได้แม่นก็คือ ครีมนี้หาซื้อได้ตามด่านชายแดนทั่วๆไป ใช่แล้วครับ! มันเป็นครีมที่มากจากจีนแดงไม่ก็พม่า และมันเป็น "ครีมเสตียรอยด์" อย่างไม่ต้องสงสัย
ในตอนนั้นความรู้เรื่องเกี่ยวกับสเตียรอยด์ที่บ้านของผมนั้นมีน้อยมาก หรือเรียกได้ว่าไม่มีเลยก็ได้ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสเตียรอยด์มันอันตรายยังไง และใช้แล้วมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง น้องสาวของผมไม่มีทางเลือกแล้วครับ หน้ามันเละเกินทนแล้ว ใครว่าใช้อะไรดี ช่วยให้สิวหายได้ก็ต้องลองดีกว่าปล่อยให้มันบานปลายไปมากกว่านี้
วิธีการทาครีมรักษาสิว Handmade ของน้องสาวผม
น้องสาวผมจะทาครีม Handmade ที่ว่านี้ในตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน และตอนกลางคืนก่อนนอน โดยจะทาทิ้งไว้เลย อย่างตอนเช้าก็จะทาไปจนหน้าขาววอกและมันมาก ผมก็ถามว่าก็ปล่อยให้หน้ามันๆอย่างนี้ไปโรงเรียนเลยหรอ น้องก็ตอบว่าใช่ไปทั้งอย่างนั้นเลย ตอนนั้นน้องผมอยู่ประมาณชั้น ม.4 ใช้อยู่ประมาณ 5-6 เดือน พอสิวหายก็เลิกใช้ไปเอง น้องบอกว่าจำได้ว่า พอขึ้นม.6 สิวก็ไม่มีแล้ว หน้าหายจากการเป็นสิวไปเลย หน้าใสเลยล่ะ
ผลจากการทาครีมสเตีรอยด์ของน้องสาวผม
ผลที่ออกมาก็คือ หน้าหายจากการเป็นสิวไปโดยปริยาย อาการสิวเห่อ สิวผด สิวอุดตัน ขึ้นมาแดงเต็มหน้านั้นหายไปอย่างปลิดทิ้ง หน้ากลับมาขาวใสเหมือนเดิม (คือน้องผมเป็นคนผิวขาวอยู่แล้ว) แล้วที่สำคัญคือไม่กลับมาเป็นสิวแบบนั้นอีกเลย อีกทั้งยังไม่ปรากฏว่ามีอาการผิวแพ้ง่ายที่อาจเกิดขึ้นจากอาการติดสเตีรอยด์แต่อย่างใด คือสามารถใช้ครีมทั่วๆไปได้ โดยไม่เคยแพ้ครีมตัวไหนเลย เรียกได้ว่าโชคดีเอามากๆ
การดูแลรักษาผิวหน้าของน้องสาวผมหลังจากหายเป็นสิว
พอสัมภาษณ์เรื่องเคล็ดลับการรักษาสิวจบ ผมก็ถามต่อไปอีกว่าหลังจากสิวหายแล้วได้ทายาหรือครีมอะไรเพิ่มอีกมั๊ย น้องผมก็ตอบว่า หลังจากที่สิวหายและหยุดทายา Handmade ที่ว่าแล้ว ก็ไม่เคยใช้ยาหรือครีมรักษาสิวอะไรอีกเลย ในชีวิตประจำวันก็แค่ล้างหน้า กับทาโลชั่นหรือพวกมอยเจอไรเซอร์บ้าง ทาบ้างไม่ทาบ้าง โฟมล้างหน้าใช้อะไรก็ได้ เปลี่ยนมาก็เยอะ แต่ก็ไม่เคยแพ้ตัวไหนเลย แต่ถ้าจะให้บอกว่าตัวไหนดีก็บอกไม่ได้อีก เพราะมันไม่ค่อยมีผลอะไรกับหน้าเลย กลายเป็นคนผิวดีไปซะงั้น
ตอนไปทำงานก็ทารองพื้นและแต่งหน้าเหมือนที่สาวๆทั่วไปแต่งกัน พอกลับมาบ้านการทำความสะอาดหน้าก็ใช้แค่โฟมล้างหน้าล้างออกตามปกติ โดยที่ไม่เคยใช้ Cleansing เช็ดเครื่องสำอางค์ออกก่อนแต่อย่างใด ล้างหน้าเสร็จก็ทามอยเจอไรเซอร์ตามไป ซึ่งก็อย่างที่บอกว่า ทาบ้างไม่ทาบ้าง บอกว่าวันไหนขี้เกียจง่วงนอนจัดๆก็ไม่ทาก็มี เรียกได้ว่าเป็นคนที่ทาครีมน้อยมากๆคนหนึ่ง
สิวหายเพราะโชคช่วย
เรื่องนี้จริงๆแล้วต้องขึ้นหัวเรื่องว่า "สิวหายเพราะโชคช่วย" มากกว่า เพราะมันเป็นการรักษาสิวที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ ใช้ครีมที่ผสมสารสเตีรอยด์ที่ไม่ได้มาตรฐานและเรียกได้ว่าเป็นอันตรายต่อหน้ามากๆ โดยเฉพาะกับสารปรอทที่อยู่ในครีมพวกนี้ในปริมาณสูง อันตรายจริงๆครับ แต่น้องผมโชคดีที่ใช้แล้วสิวหาย และเลิกใช้ก่อนที่จะเกิดการติดสเตียรอยด์เกิดขึ้น ทำให้หลังจากที่ใช้ครีมที่ว่านี้ไปแล้ว ไม่ก่อให้เกิดเอฟเฟกต์ที่ไม่ดีตามมาภายหลัง
ความจริงที่เกิดขึ้นของครีม Handmade ตัวนี้
ขอพูดถึงความเป็นจริงของครีม Handmade ที่ว่านี้สักหน่อย เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจสำหรับคนที่กำลังใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์รักษาสิวอยู่ คือ ความจริงแล้วครีม Handmade ที่ว่านี้ไม่ได้มีแต่น้องสาวของผมคนเดียวที่ใช้ แต่แม่ผม อาอี๊ และตัวผมเองก็ใช้ด้วย ซึ่งผมและน้องสาวผมใช้อยู่ไม่นานก็เลิกใช้ไป ในกรณีของน้องผมคือใช้แล้วสิวหาย แต่ของผมคือใช้แล้วเกือบหาย หน้าขาววอกเลย แต่ทนเหม็นไม่ไหว ก็เลยเลิกใช้ไปก่อน แต่กับแม่และอาอี๊ของผม ใช้ยาสเตีรอยด์ตัวที่ว่านี้นานกว่ามาก ทาในช่วงแรกๆมันดีจริงๆ ทาแล้วหน้าใส ขาว เนียน อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่ความสุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน หลังจากใช้ครีมที่ว่ามาอย่างยาวนาน หลังจากนั้นผิวหน้าก็มีปัญหามาโดยตลอด หน้าแพ้ง่าย ใช้อะไรก็แพ้ วันดีคืนดีก็มีตุ่มแดงๆขึ้นหน้ามา อากาศร้อนก็ขึ้น เหงื่อออกเยอะๆก็ขึ้น ซึ่งอาการที่ว่านี้ก็คืออาการ "หน้าติดสเตียรอยด์" นั่นเอง
สรุปสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
หากใครอ่านบทความการรักษาสิวนี้มาตั้งแต่ต้น และไม่อ่านบทสรุปตอนจบนี้อาจจะเข้าใจจุดประสงค์ของบทความนี้ผิดได้ เพราะจริงๆแล้วเคล็ดลับการรักษาสิวที่ผมได้เล่ามาตั้งแต่ต้นนี้ ไม่ใช่วิธีที่ผมสนับสนุนและต้องการให้คนที่กำลังอ่านอยู่เอาไปใช้ในการรักษาสิวของตัวเองเลย ตรงกันข้าม ผมไม่อยากให้เอาวิธีนี้ไปใช้เลยต่างหาก เพราะมันไม่ใช่วิธีการรักษาสิวที่ดี ถึงแม้ว่ามันจะช่วยให้สิวหายได้จริงก็เถอะ แต่จะมีสักกี่คนที่จะโชคดีเหมือนน้องสาวผมและผม ที่ถอนตัวออกมาได้ทันก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อของสารสเตียรอยด์
ความจริงนั้นเสตียรอยด์ก็จำเป็นในการรักษาสิวเช่นกัน โดยยารักษาสิวส่วนใหญ่ก็จะผสมสารเสตียรอยด์เข้าไป เพื่อให้ผลการรักษาสิวรวดเร็ว และได้ผลดีมากยิ่งขึ้น แต่การใช้สเตียรอยด์ในการรักษาสิวนั้น ควรอยู่ในการดูแลของหมอผิวหนังโดยตรงจะดีที่สุด ให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนบอกเราว่า เราควรใช้สเตียรอยด์เท่าไรในการจัดการกับปัญหาสิวบนหน้าของเราจะดีกว่า เพราะถ้าหากเราใช้สารสเตียรอยด์รักษาสิวด้วยตัวเองแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเราจะหายได้จริงหรือเปล่า แล้วถ้าเกิดติดสเตียรอยด์ขึ้นรับรองว่าไม่คุ้มกันแน่นอน
สุดท้ายนี้ผมขอยืนยันว่า เราสามารถรักษาสิวให้หายได้โดยไม่ต้องใช้สเตียรอยด์ และผมก็ไม่สนับสนุนการรักษาสิวแบบนี้นะครับ ผมชอบและสนับสนุนการรักษาสิวด้วยวิธีธรรมชาติมากกว่า ถึงแม้บางครั้งผมจะเขียนบทความเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์รักษาสิวมากมายหลายตัว ซึ่งก็เป็นเพราะผมอยากให้บล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลาย ครอบคลุมในทุกๆเรื่องที่เกี่ยวกับสิวมากที่สุด แต่ในใจลึกๆแล้วผมอยากให้ทุกคนรักษาสิวให้หายด้วยวิธีธรรมชาติ การรักษาสิวที่เริ่มมาจากภายในร่างกายของเรา ผมเชื่อว่าการรักษาสิวแบบนี้เป็นการรักษาสิวที่ยั่งยืน และช่วยให้สิวหายได้แน่นอน เป็นกำลังใจให้คนเป็นสิวทุกๆคนครับ เชื่อเถอะครับว่าวันนั้นต้องเป็นของเรา "วันที่เราจะหน้าใสไร้สิว ปราศจากสิวบนใบหน้า" มันมีอยู่จริงๆครับ^^
โชคดีที่หน้าน้องถูกกับยานี้ ใช้แล้วหน้าดีจริงๆๆ อยากหน้าดีแบบนี้แต่ไม่กล้าใช้ กลัวแพ้
ตอบลบ