หายหน้าไปหลายวันไม่ได้เขียนบทความเลย พอดีแวะมาหาเพื่อนเก่าที่ชะอำ นั่งสังสรรค์กันตั้งแต่เช้าจนดึก กินอาหารทะเลกันอย่างเอร็ดอร่อยสนุกสนาน แต่พอตกดึกเข้านอนเท่านั้นแหละครับ ท้องเสียอย่างรุนแรง เดินเข้าออกห้องน้ำเป็น 10 รอบ เรียกได้ว่าแทบไม่ได้นอนก็ว่าได้ ตื่นเช้ามาเกิดอาการเพลียอย่างรุนแรง รู้สึกหนาวๆเหมือนจะเป็นไข้ ตอนที่นั่งเขียนบทความอยู่นี้ก็ยังรู้สึกเปลี๊ยๆไม่มีเรี่ยวมีแรงอยู่เลย
จริงๆแล้วเรื่องที่เล่าให้ฟังข้างบนไม่เกี่ยวกับเรื่องสิวที่จะเขียนวันนี้หรอกครับ แค่อยากเล่าให้ฟังเฉยๆ นานๆทีจะได้มาเที่ยวสักที แต่เรื่องที่จะพูดถึงวันนี้ก็คือเรื่อง "น้ำมันปลากับการลดสิวอักเสบ" จะมาเล่าให้ฟังว่าน้ำมันปลามันคืออะไร? มันมาเกี่ยวกับเรื่องสิวๆได้ยังไง? แล้วมันสามารถช่วยลดการเกิดสิวอักเสบได้จริงหรือ? เอ้าตามมาดูกันไปทีละประเด็นก็แล้วกันครับ
น้ำมันปลาคืออะไร?
ความหมายของน้ำมันปลานั้นก็เหมือนกับชื่อของมัน ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนแต่อย่างใด มันก็คือน้ำมันที่ได้จากส่วนต่างๆของปลา เช่น เนื้อปลา หนังปลา หางปลา หัวปลา ซึ่งก็จะมีกระบวนการสกัดเอาน้ำมันออกมาจากพวกปลาทะเล ที่เป็นปลาที่อยู่ในน้ำลึกและเย็น และที่สำคัญต้องเป็นปลาที่มีน้ำมันในร่างกายด้วย
น้ำมันปลากับการรักษาสิว?
สารอะไรที่อยู่ในน้ำมันปลาแล้วสามารถช่วยลดการเกิดสิวอักเสบได้ คำตอบของคำถามนี้ก็คือ "โอเมก้า 3" เชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะรู้จักและคุ้นหูกับเจ้าโอเมก้า 3 เป็นอย่างดี ก่อนอื่นขออธิบายสั้นว่าโอเมก้า 3 ที่ว่าคืออะไร? โอเมก้า 3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่ง เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายของเรา(ขาดไม่ได้)
ซึ่งร่างกายของเราจะต้องใช้โอเมก้า 3 เพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตไขมันที่มีชื่อว่า " Prostaglandins" ซึ่งไขมันตัวนี้มีบทบาทในการช่วยลดอาการอักเสบและการเกิดสิวได้ โดยไขมัน Prostaglandins มันจะเข้าไปช่วยรักษาระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน(ฮอร์โมนเพศชาย) ให้เกิดความสมดุลขึ้น เมื่อร่างกายมีระดับฮอร์โมนที่เหมาะสม ก็จะทำให้หน้าเราเกิดสิวน้อยลง และมีผลช่วยลดอาการอักเสบของสิวได้ด้วย
คนเป็นสิวต้องกินน้ำมันปลาอย่างไร เท่าไรถึงจะเหมาะสม?
ความเหมาะสม ปริมาณ หรือขนาดของน้ำมันปลาที่เราควรกินนั้นไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะกินน้ำมันปลาประมาณ 3-5 กรัม/วัน ไม่ควรเกินนี้ แต่จะให้ดีก็กินน้ำมันปลาประมาณ 1,000 - 2,000 มิลลิกรัมกำลังสวย สามารถกินได้ทุกวัน วิธีการกินนั้นก็ให้กินพร้อมๆกับมื้ออาหารที่เรากิน คือกินข้าวกินปลาเสร็จก็กินน้ำมันปลาสัก 1 เม็ดตามไปด้วย วันหนึ่งกินสัก 2 เม็ดก็ได้
น้ำมันปลากินเยอะก็มีผลข้างเคียงเหมือนกันนะ
ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริมชนิดใด การกินก็ควรมีจุดที่พอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป น้อยไปคงไม่มีผลกระทบเท่ากับการกินมากเกินความจำเป็น ซึ่งอาจทำให้เกิดผลค้างเคียงจากการกินน้ำมันปลาตามมาได้ โดยเฉพาะกับคนที่มีอาการแพ้น้ำมันปลา เช่น เกิดผดผื่น อาหารไม่ย่อย บางคนเรอเป็นกลิ่นคาวปลาออกมา หรือไม่บางทีอาจได้กลิ่นคาวปลาออกมาตามผิวหนัง ท้องร่วง ซึ่งอาการเหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ไม่มากนัก แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นก่อนกินน้ำมันปลาควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนจะดีมาก
น้ำมันปลากับน้ำมันตับปลาไม่เหมือนกันนะ!!!
บางคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าน้ำมันปลา กับน้ำมันตับปลาเป็นตัวเดียวกัน จริงๆแล้วมันไม่เหมือนกันนะครับ น้ำมันปลาก็คือน้ำมันที่ได้มาจากส่วน หัว หาง เนื้อ หนัง ปลาอย่างที่บอกไว้แล้ว แต่น้ำมันตับปลามันได้มาจากตับนะครับ ซึ่งในน้ำมันตับปลาก็จะมีสารที่เป็นประโยชน์แตกต่างจากน้ำมันปลา โดยน้ำมันตับปลาจะเป็นตัวช่วยเสริมวิตามิน A และวิตามิน D ซึ่งเวลากินน้ำมันทั้ง 2 เข้าไปนั้นจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเวลาซื้อให้ดูให้ดีๆว่าเป็นน้ำมันปลา หรือน้ำมันตับปลากันแน่
สรุปการกินน้ำมันปลากับการลดสิวอักเสบ
สรุปว่าการกินน้ำมันปลานั้นสามารถช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง หรือการอักเสบของสิวได้ดี แต่อย่างที่บอกไว้ว่ากินแต่พอดีอย่ากินมากไป การกินน้ำมันปลาเพื่อช่วยลดการอักเสบของสิวนั้น ก็อาจจะกินในช่วงที่เรารู้สึกว่าเราเป็นสิวอักเสบเยอะ ช่วงที่สิวอักเสบแห่กันขึ้นมาที่หน้าโดยที่ไม่ได้นัดหมาย แต่พออาการสิวของเราดีขึ้นเราก็อาจจะหยุดกิน ไม่จำเป็นต้องกินอย่างต่อเนื่อง หรือกินทุกวันก็ได้ กินให้พอดีปรับให้เหมาะสมกับตัวเราดีที่สุด
ยังไงซะการกินน้ำมันปลานั้นก็ไม่ได้มีหลักฐานทางการแพทย์อะไรมารองรับว่า กินแล้วสามารถช่วยลดการเกิดสิวอักเสบได้ ตอนนี้ก็ยังเป็นเพียงสมมุติฐานว่าน่าจะช่วยได้ ซึ่งเกิดจากการทดลองของคนทั่วไปที่เป็นสิว แต่พอกินไปแล้วมันสามารถช่วยแก้ปัญหาสิวได้ดี ก็เลยมีการบอกต่อๆกันมาเรื่อยๆ ใครสนใจและมีปัญหาสิวอักเสบอยู่ อาจลองหาอาหารเสริมที่เป็นน้ำมันปลามาลองกินกันได้ หรือจะกินปลาตัวเป็นๆเลยก็ได้เหมือนกัน ปลาที่มีโอเมก้า 3 เยอะก็จะมี ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลาแซลม่อน ปลาเฮริ่ง ปลาคอด ก็ลองไปหากินกันดู ได้ผลเป็นยังไงอย่าลืมกลับมาเล่าสูกันฟังที่บล็อก Acnedefend บ้างนะครับ จะได้เป็นประโยชน์กันคนที่เป็นสิวทุกๆคน ^^
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น