ยาทารักษาสิว Benzac AC VS Retin-A เหมือนหรือต่างกันอย่างไร แล้วแต่ละตัวเหมาะกับสิวแบบไหนกันแน่?

Tweet

วันนี้มาถึงคิวยาทารักษาสิว 2 ตัว ที่วันนี้ Acnedefend ได้จับคู่เพื่อเอามาประชันความสามารถในการรักษาสิวนั่นก็คือ Benzac AC และ Retin-A  ซึ่งจัดเป็นยาทารักษาสิวยอดนิยมด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็ยังมีหลายคนที่อาจจะสบสนหรือยังงงกับความสามารถหรือความแตกต่างของยาละลายสิวอุดตันทั้ง 2 ตัวนี้ว่า ตกลงแต่ละตัวมันใช้จัดการสิวแบบไหนได้บ้าง สิวอุดตัน สิวผด หรือว่าสิวอักเสบ  แล้วการใช้งานแตกต่างกันอย่างไร วันนี้ผมจะมาไขข้อข้องใจให้กระจ่างครับ โดยเรื่องราวที่จะได้อ่านต่อไปเห็นต่อไปนี้มาจากความคิดเห็นส่วนตัวของผมล้วนๆ เชิญรับชมได้เลยครับ

ความแตกต่างระหว่าง Benzac AC และ Retin-A

ตัวยาออกฤทธิ์

Benzac AC มีตัวยาที่ใช้รักษาสิวชื่อว่า Benzoeyl peroxide ส่วน Retin-A มีตัวยากหลักที่ชื่อว่า Tretinoin ซึ่งจะมีการออกฤทธิ์ของตัวยาที่แตกต่างกันไปด้วย

ขนาดความแรงของยา

ชื่อที่เราเรียกกันติดปากว่า Benzac AC หรือ Retin-A นั้นเป็นเพียงชื่อยี่ห้อของผลิตภัณฑ์เท่านั้น โดยถ้าพูดถึงยาทารักษาสิวที่มีตัวยาเดียวกันของทั้ง 2 กลุ่มก็จะมีหลายยี่ห้อให้เลือกซื้อมากมาย ซึ่งความแรงของยาทารักษาสิวทั้ง 2 ตัวก็จะมีการระบุ % ยาที่แตกต่างกันออกไป โดย Benzac AC นั้นจะมีอยู่ 4 ขนาดที่เห็นบ่อยๆ คือ 2.5%, 4% , 5% และ 10% ส่วน Retin-A นั้นจะมีขนาดหลักๆอยู่ 3 ขนาดคือ  0.025% , 0.05% และ 0.10% โดยยิ่งมี % มากเท่าไรยาก็จะมีความแรงมากขึ้นเท่านั้น

การจัดการกับสิวอักเสบ

ความจริงแล้วยาทารักษาสิวทั้ง Benzac AC และ Retin-A จะมีสรรพคุณกำจัดสิวได้หลายแบบ แต่ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างจะแตกต่างกันชัดเจนก็คือ Benzac AC จะเหมาะกับสิวอักเสบมากกว่า Retin-A ส่วน Retin-A นั้นจะเน้นไปในเรื่องสิวอุดตัน สิวไม่มีหัวมากกว่า

การลดความมันบนใบหน้า

เรื่องการลดความมันบนใบหน้านั้น Retin-A สามารถช่วยลดความมันบนหน้าได้เป็นอย่างดี เพราะตัวยามีผลต่อการผลิตไขมันของต่อมไขมันด้วย ทำให้เวลาใช้หน้าจะไม่มัน แต่ Benzac AC ไม่มีความสามารถที่ว่านี้

ช่วยเรื่องริ้วรอยสิว

Retin-A นอกจากจะเป็นครีมทาลดสิวอุดตันแล้วยังมีผลช่วยในเรื่องริ้วรอยสิวได้ด้วย ซึ่งช่วยผลัดเซลผิว ช่วยให้จุดด่างดำจากสิวดูจางลงได้ดีกว่า Benzac AC

เวลาในการทา

Benzac AC เป็นยารักษาสิวที่ใช้ทาก่อนล้างหน้า โดยส่วนใหญ่จะทาทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างออก แต่ก็มีบางคนที่ทาทิ้งไว้ถึง 30 นาทีก็มี ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของผิวหน้า ส่วน Retin-A จะใช้ทาตอนกลางคืนก่อนเข้านอนโดยสามารถทาทิ้งไว้ได้ทั้งคืนโดยไม่ต้องล้างออก

ความเหมือนระหว่าง Benzac AC และ Retin-A

ใช้รักษาสิวได้หลายชนิด

ทั้ง Benzac AC และ Retin-A จัดเป็นยาทารักษาสิวเอนกประสงค์ที่สามารถใช้รักษาสิวได้หลายรูปแบบ ทั้งสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวเสี้ยน สิวผด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราควรใช้ยาตัวใดตัวหนึ่งในการรักษาสิวเท่านั้น ไม่ควรใช้พร้อมกันเพราะมันอาจทำให้หน้าเราเกิดการระคายเคืองมากเกินไป แต่ก็มีบางคนที่ใช้ทั้ง Benzac AC และ Retin-A รักษาสิวร่วมกัน ซึ่งความจริงแล้วก็สามารถทำได้ แต่ต้องมั่นใจว่าผิวหน้าเราแข็งแรงจริงๆเท่านั้น

เป็นเนื้อครีมเหมือนกัน

ทั้ง Benzac AC และ Retin-A เป็นยาทารักษาสิวที่เป็นเนื้อครีม โดยจะเป็นครีมสีขาว เพราะฉะนั้นเวลาทาครีม เราไม่ควรทาครีมมากเกินความจำเป็น เพราะอาจทำให้หน้าเราระคายเคืองมากขึ้น การทาครีมที่ดีควรทาให้เนื้อครีมซึมเข้าสู่ผิวหน้าให้หมดโดยไม่ทิ้งคราบขาวไว้บนหน้าจะดีที่สุดครับ

ต้องใช้ครีมกันแดดร่วมด้วยทุกครั้ง

ทั้ง Benzac AC และ Retin-A ต่างเป็นยาทารักษาสิวที่มีฤทธิ์ในการผลัดเซลผิวที่รุนแรง ทำให้เวลาที่เราใช้งานจะทำให้หน้าเราแห้ง ลอก บาง และเป็นขุยง่าย เพราะฉะนั้นเวลาที่เราต้องออกไปนอกบ้านเราควรทาครีมกันแดดทุกครั้งเพื่อป้องกันแสง UV มาทำร้ายผิวหน้าของเรา เพราะถ้าไม่ทาหน้าเราก็จะแห้งหนักกว่าเดิม ทีนี้นอกจากสิวจะไม่หายแล้ว หน้าเราอาจเยินกว่าเดิมได้

ต้องระวังอาการแพ้เหมือนๆกัน

ทั้ง Benzac AC และ Retin-A จัดเป็นยามารักษาสิวที่มีความระคายเคืองสูงทั้งคู่ ซึ่งจะไม่เหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผิวแห้ง เพราะมันมีผลข้างเคียงเยอะ ดังนั้นใครที่คิดจะลองเอามาทาหน้ารักษาสิวอยากให้ลองทดสอบอาการแพ้ครีมก่อนใช้ทุกครั้ง เพราะถ้าเราลองใช้โดยไม่ทดสอบก่อนแล้วเกิดแพ้ยาขึ้นมาจริงๆ สิวอาจเห่อขึ้นมามากกว่าเดิม ต้องรักษากันยาวเลยทีเดียว


    นี่ก็เป็นการเปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างของยาทารักษาสิวทั้ง 2 ตัว คือ Benzac AC และ Retin-A หวังว่าบทความนี้คงจะช่วยให้คนที่กำลังตัดสินใจว่าจะใช้ยาตัวไหนในการรักษาสิวดีสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะครับ ก่อนจากกันวันนี้อยากฝากไว้เรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น Benzac AC หรือ Retin-A ถึงแม้ยาทั้ง 2 ตัวนี้จะสามารถช่วยรักษาสิวของเราให้หายได้เป็นอย่างดี แต่การใช้ยาเหล่านี้เป็นระยะเวลานานๆก็ไม่เป็นผลดีต่อหน้าของเรา เพราะมันอาจทำให้หน้าบางและในอนาคตหน้าเราอาจแพ้อะไรง่ายขึ้น ฉะนั้นถ้าเราใช้ยาทารักษาสิวทั้ง 2 ตัวนี้จนหายแล้ว การหยุดใช้และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้เราเป็นสิวเพื่อควบคุมการเกิดสิวบนหน้าของเราจะดีที่สุดครับ พบกับบทความสิวใหม่ๆได้ตลอดกับ Acnedefend บล็อกเพื่อคนเป็นสิวทุกๆคน วันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ

Share on Google Plus

About Untitle

บล็อกรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด สิวสเตียรอยด์ สิวเสี้ยน รักษาหลุมสิว รักษาสิวด้วยธรรมชาติ เลเซอร์รักษาสิว แชร์ประสบการณ์รักษาสิวผ่านมุมมองของ Acnedefend บล็อกเพื่อคนเป็นสิวทุกๆคน